วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๕.กัดปลา-ปลากัด

     ภาพ ของเจ้า ตอปิโด ที่ถูกไล่ต้อนจนบอบช้ำ เหมือนเข็มนับพันเล่มที่พร้อมใจกันแทงลงมาบนหัวใจของผม...มันเจ็บจี๊ดยังไงไม่รู้...    
    
     ปลากัด... 
     คุณรู้จักปลากัดไหม ? 

     ปลากัดที่ผมรู้จัก เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก หน้าตาขี้โมโห ตัวไม่น่าโตเกินนิ้วโป้งและยาวไม่เกินนิ้วชี้หรือนิ้วกลางซึ่งอาจจะเล็กกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ มันเป็นปลาที่รักสันโดดชอบอยู่เพียงลำพังในแหล่งน้ำที่นิ่ง ๆ ประเภท ห้วย หนอง คลอง บึง ในบริเวณที่มีระดับน้ำตื้น ๆ มีไม้น้ำขึ้นบ้างพอให้พรางตัว

     เวลาที่มีใครไปกวนใจหรือทำให้มันหงุดหงิด เจ้าปลาตัวจ้อยจะพองตัวทำเหงือก(ปลา)บานเข้าใส่...ช่างเป็นปลาที่กร้าวร้าวจริง ๆ...กระนั้นตอนที่มันแสดงอาการหงุดหงิดกลับทำให้สีสันบนตัวของมันชัดเจนขึ้น...ใช่แล้ว...ปลากัดที่ผมคุ้นเคยและเห็นอยู่บ่อย ๆ มักจะมีสีน้ำตาลแกมแดงไม่ก็เหลือบน้ำเงินหรือเขียว...มันดูสวยงามทีเดียวล่ะ!!


     ที่ตลาดนัดใกล้ ๆ บ้านของผม จะมีคนเอาปลากัดซึ่งมีหลายสีหลายขนาดใส่ขวดโหลมาวางขายในราคาตัวละยี่สิบบาท เรียกความสนใจจากเด็ก ๆ ได้ดีทีเดียว...อย่าว่าแต่เด็กเลย...ผู้ใหญ่อย่างผมยังอดที่จะเข้าไปด้อม ๆ มอง ๆ ด้วยไม่ได้ 

     ความสวยงามของเจ้าปลากัดสีจัดที่แหวกว่ายอยู่ในโหลแก้วแบบเซ็ง ๆ(ผมว่ามันคงรู้สึกเช่นนั้น) ช่วยทำให้ภาพของผมในวัยเด็กค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง...เป็นภาพอดีตที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน!!


     หน้าโรงเรียนประถมของผมนั้น ทุกวันหลังโรงเรียนเลิกจะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาของมาขายล่อตาล่อใจให้เด็ก ๆ ได้ซื้อก่อนกลับบ้านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นทอด น้ำตาลปั้น โรตีสายไหม ไอติม น้ำอัดลม หรือแม้แต่ของเล่นแบบต่าง ๆ 

     วันหนึ่ง มีพ่อค้านำปลากัดสีสวย ๆ ใส่ขวดเหล้าแบนมาวางขายในราคาตัวละห้าถึงสิบบาท พ่อค้าผู้นี้บอกกับเด็ก ๆ ที่สนใจมายืนมุงดูปลากัดของเขาว่านอกจากสีสันปลากัดของเขาจะสวยงามไม่เป็นรองใครแล้ว พวกมันยังเป็นสายพันธุ์ปลากัดที่ดุ แข็งแกร่งและหายาก

     ไม่มีใครรู้ว่าที่พ่อค้าปลากัดคนนี้พูดจริงเท็จแค่ไหน แต่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงปลากัดก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยงโดยมีบรรดาเด็กนักเรียนนั่นแหละที่เป็นลูกค้า...และหนึ่งในบรรดาเด็กนักเรียนที่เป็นลูกค้านั้น...มีผมรวมอยู่ด้วย

     "นายคงไม่เอาปลาที่ซื้อมาตัวนี้ไปกัดกับปลาของคนอื่นหรอกนะ" ม้า เอ่ยขึ้นกับผมระหว่างที่เราเดินกลับบ้านด้วยกัน...เขาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของผมเชียวล่ะ!! 

     "ทำไมนายคิดอย่างนั้นล่ะ ?" ผมถาม 

     "ก็การกัดปลาจะกลายเป็นแฟชั่นใหม่ของโรงเรียนเราน่ะสิ...ไม่เชื่อพรุ่งนี้นายคอยดูเถอะ" ม้าบอก ก่อนจะแยกกับผมเมื่อถึงทางที่เขาต้องเลี้ยวไปตลาดเพื่อไปช่วยแม่ของเขาขายขนมจีน

     ส่วนผม...ผมยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


     วันรุ่งขึ้น...เป็นไปตามที่ม้าได้บอกเอาไว้จริง ๆ...ปลากัดกลายเป็นแฟชั่นนิยมของโรงเรียนผมไปเสียแล้ว เด็กนักเรียนหลายคนที่ซื้อปลากัดไปเมื่อวาน ต่างนำปลากัดของตัวเองมาโรงเรียนด้วย

     เมื่อถึงช่วงพักกลางวัน แต่ละคนก็จะนำปลากัดของตัวเองออกมาอวดให้เพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ ได้ดู มีการเปรียบเทียบกันว่าปลากัดของใครจะสวยกว่ากัน ครั้นพอเปรียบเทียบด้านสีสันความสวยงามไปแล้ว ก็ถึงคราวที่ต้องมาเปรียบเทียบด้านพละกำลังกันล่ะว่า ปลากัดของใครจะแข็งแกร่งที่สุด...แน่นอน...นั่นย่อมหมายถึงการนำปลามากัดกันนั่นเอง

     ถ้าบังเอิญมีใครเดินเข้ามาในโรงเรียนของผมตอนนี้ เขาจะได้เห็นภาพเด็กนักเรียนบางส่วนนั่งล้อมวงกันเป็นกลุ่ม ๆ เหมือนกำลังปรึกษาอะไรกันบางอย่าง...แต่หากลองเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าในแต่ละกลุ่มนั้นบรรดานักเรียนตัวน้อยต่างให้ความสนใจปลากัดสองตัวที่ถูกปล่อยลงไปในขวดหรือโหลเดียวกัน...และพวกมันกำลังชิงความเป็นเจ้าแห่งปลากัดกันอยู่

     เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีกติกาและเวลาตายตัว...สู้กันจนกว่าจะมีตัวใดตัวหนึ่งว่ายหนีจึงถือว่าแพ้ ...หรือไม่ก็เจ้าของยอมแพ้ไปเองเพราะทนเห็นปลาของตนบอบช้ำไม่ได้

     ผมรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ที่วันนี้ไม่ได้นำ เจ้าขนมต้ม มาด้วย(มันเป็นชื่อที่ถูกตั้งให้กับปลากัดตัวสีแดงแกมน้ำเงินที่ผมเพิ่งซื้อไปเมื่อวาน)...ไม่งั้นล่ะก็เจ้าขนมต้มของผมอาจจะเป็นปลากัดที่เก่งกว่าปลากัดทุกตัว...อย่างน้อยก็ในโรงเรียนล่ะ!! 

     ระหว่างที่ผมเดินย้ายจากกลุ่มโน้นมากลุ่มนี้เพื่อชมการเปรียบปลากัดอยู่นั้น จู่ ๆ ม้าก็เดินเข้ามาหาผม เขาชวนให้ผมไปดู หมูอ๋อง เพื่อนแสนดีอีกคนหนึ่งนำปลากัดของเขาไปท้าสู้กับปลากัดของเด็กชั้น ป.6 ที่สนามเด็กเล่นด้านหลังโรงเรียน...หมูอ๋องช่างกล้าเสียนี่กระไร...นั่นเพราะปลากัดของเขาตัวที่เอาให้ผมดูเมื่อเช้าท่าทางมันขี้โรคจะตาย

     ผมวิ่งตามม้าไปยังสนามเด็กเล่นหลังโรงเรียน...ที่นั่นมีเด็กนักเรียนนั่งจับกลุ่มล้อมวงกันอยู่ห้าหกคน...หนึ่งในนั้นมีหมูอ๋องอยู่ด้วย...ทั้งหมดกำลังส่งเสียงเชียร์อะไรบางอย่างดังลั่นราวกับผู้ใหญ่เชียร์มวยยังไงยังงั้น

     เมื่อผมกับม้าแหวกกลุ่มเข้าไป ก็เห็นที่ตรงกลางวงที่มีขวดโหลใสใส่น้ำตั้งอยู่ ในนั้นมีปลากัดสองตัวกำลังแหวกน้ำในโหลพุ่งเข้าใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกครั้งที่มีการปะทะหรือการกัดเกิดขึ้นก็จะได้ยินเสียงเฮตามมาเป็นจังหวะ

     "มาเร็วคำนับ ม้า มาช่วยฉันเชียร์ เจ้าตอปิโด กัน(คงเป็นชื่อปลากัดของหมูอ๋อง)...ดูสิ...ตอนนี้มันกำลังได้เปรียบ...เก่งจริง ๆ ตอปิโดเอ๋ย" หมูอ๋องเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมกับม้า ก่อนจะละสายตากลับไปมองปลากัดที่อยู่ในขวดโหล

     "ตอปิโด...ตอปิโด...ตอปิโด" เสียงหมูอ๋องตะโกนเชียร์ปลากัดของเขา "ตอปิโด...ตอ...อ้าวเฮ้ย...ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะตอปิโด...เฮ้ยอย่าหนีสิ...แย่แล้ว !!"

     เจ้าตอปิโดของหมูอ๋องซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะได้เปรียบ บัดนี้กลับกลายเป็นฝ่ายว่ายหนีฝ่ายตรงข้าม มันว่ายวนอยู่ในขวดโหลโดยมีคู่ต่อสู้ของมันตามไล่กัดอย่างไม่ยอมให้หนีไปได้ง่าย ๆ หางและครีบสวยสดของตอปิโดถูกกัดจนขาดวิ่น ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นลำตัวของมันปรากฏรอยถลอกและมีเลือดออกซิบ ๆ มันพยายามแหวกว่ายน้ำในขวดโหลเพื่อหนีคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า แต่ขวดโหลที่มีพื้นที่แค่นั้นเจ้าตอปิโดจะหนีไปไหนได้...

     ภาพของเจ้าตอปิโดที่ถูกไล่ต้อนจนบอบช้ำ เหมือนเข็มนับพันเล่มที่พร้อมใจกันแทงลงมาบนหัวใจของผม...มันเจ็บจี๊ดยังไงไม่รู้...วูบหนึ่งผมมองเห็นเจ้าตอปิโดกลายเป็นตัวเองที่ถูกเด็กนักเรียนซึ่งตัวโตกว่าไล่ชกต่อยอยู่ในโหลแคบ ๆ โดยมีฝูงปลากัดที่เฝ้าดูอยู่รอบ ๆ โหลนั้นส่งเสียงเฮอย่างสนุกสนาน...แล้วผมก็รู้สึกเจ็บที่บ่าเมื่อม้ายื่นมือมาบีบมันไว้...ภาพที่ผมเห็นจึงกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

     "ยอมแล้ว...ยอมแล้ว...รีบแยกมันก่อนเถอะ...ไม่งั้นเจ้าตอปิโดของฉันตายแน่...ฮือ ๆ รีบแยกสิ" หมูอ๋องร้องบอก และตอนนี้เขากำลังเริ่มจะร้องไห้


     เย็นนั้น...

     ผมกับม้าเดินกลับบ้านด้วยกันเหมือนเคย เราทั้งคู่เดินกันไปอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย...จนกระทั่ง...

     "น่าสงสารนะ..." ผมเอ่ยทำลายความสงบระหว่างทางขึ้นมา

     "หมูอ๋องน่ะเหรอ ?" ม้าถาม เขาหยุดมองผมแว็บหนึ่ง

     "เปล่า...ฉันหมายถึงปลากัดน่ะ...ไม่ว่าตัวไหนจะเป็นฝ่ายแพ้ พวกมันคงเจ็บน่าดู" ผมบอก ความรู้สึกเจ็บจี๊ดกลับมาอีกครั้ง

     "งั้นรึ ?...แล้วนายคิดจะเอาปลากัดของตัวเองมาเปรียบกับของคนอื่นบ้างไหมล่ะ ?" ม้ามองลึกเข้ามาในดวงตาของผมเหมือนจะค้นหาคำตอบ 

     "ไม่ล่ะ...ฉันว่าฉันเลี้ยงมันไว้เพื่อดูความสวยงามดีกว่า...แต่บางทีวันนี้ฉันอาจจะปล่อยมันลงคลองก็ได้" ผมบอกกับม้า แต่ความจริงแล้วเหมือนผมกำลังบอกตัวเองมากกว่า

     เมื่อกลับถึงบ้าน ผมตัดสินใจปล่อยเจ้าขนมต้มลงสู่ร่องน้ำเล็ก ๆ ที่สวนผลไม้ซึ่งอยู่หลังบ้าน

     วันถัดมา อาจารย์ใหญ่ประกาศที่หน้าเสาธงว่า ห้ามเด็กนักเรียนทุกคนนำปลามากัดกันอีกเพราะมันเป็นบาปและถือเป็นการเล่นการพนัน ถ้าหากจับได้ว่ามีคนฝ่าฝืนจะถูกเชิญผู้ปกครองและทำโทษอย่างหนัก


     "พี่ครับ...พี่ครับ...ซื้อปลากัดไปเลี้ยงซักตัวมั้ยครับ" เสียงคนขายปลากัดดึงผมออกจากภาพอดีตกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง

     "เอ่อ...เอาตัวสีแดงแกมน้ำเงินตัวนั้นแล้วกัน" ผมชี้ไปที่ปลากัดตัวหนึ่งซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับเจ้าขนมต้มปลากัดในวัยเด็กของตัวเอง

     "ถ้าพี่ชอบเลี้ยงปลากัด คราวหน้าแวะมาอีกสิพี่ ผมจะหาตัวที่สีสวย ๆ มาให้ดู" คนขายบอกก่อนจะนำปลาตัวที่ผมเลือกใส่ถุงพลาสติก อัดออกซิเจนตามลงไปแล้วมัดปากถุง

     "ไม่ล่ะ...ผมแค่ซื้อไปดูเล่นวันสองวัน เดี๋ยวก็ปล่อยมันแล้ว"

     ผมจ่ายเงินแล้วรับปลากัดมาจากคนขาย นึกในใจว่าถ้าปลาชนิดนี้มีชื่อว่า 'ปลาไม่กัด'ก็คงไม่มีใครเอามันมาใส่สังเวียนโหลหรอก...ผมคิดแบบเด็ก ๆ อีกแล้ว!!


        เกี่ยวกับเรื่อง :

     เรื่องที่ผมเคยซื้อปลากัดมาจากหน้าโรงเรียนเป็นเรื่องจริง และผมก็ไม่ปฏิเสธว่าตั้งใจจะเลี้ยงมันไว้กัดกับปลากัดของคนอื่น

     แต่เรื่องที่มีการกัดปลาในโรงเรียนนั้น...เป็นเรื่องโกหก...คงไม่มีเด็กนักเรียนในโรงเรียนประถมของผมคนไหนใจร้ายพอที่จะนำปลามาทรมานแบบนั้น

     ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งก็คือ การที่ผมตัดสินใจปล่อยปลากัดคืนสู่ธรรมชาติ เป็นเพราะว่าแม่ของผมต่างหากที่บอกให้ผมปล่อยมันไป...ว้า!! แย่จัง    

 
                 




ไม่มีความคิดเห็น: