ไม่มีสิ่งของใดในโลกที่จะอยู่คงทนถาวร.....
แด่ ม้าโยกไม้ ผู้จากไป
ตอนเด็ก ๆ ผมมีของเล่นที่เป็นสมบัติส่วนตัวอยู่ไม่มากนัก เรียกว่าสามารถนับชิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แม้ผมจะเป็นเด็กที่ชอบเล่นซุกซนจนทำให้ของเล่นหลายชิ้นต้องชำรุดเสียหายไปบ้าง...แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง...ผมรักของเล่นของผมมาก...เพราะพวกมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกใบเด็กน้อย ๆ ของผม...
ในบรรดาของเล่นทั้งหมดที่ผมมีอยู่ นอกจาก ตุ๊กตาทหารขาเดียว ขี้หงุดหงิดแล้ว ม้าโยกไม้ ดูจะเป็นของเล่นชิ้นโปรดอีกชิ้นหนึ่งของผมทีเดียว
ทุกครั้งที่ผมขึ้นขี่หลังของม้าโยกไม้และเริ่มโยกตัวของมันช้า ๆ ภาพเบื้องหน้าจะเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีฝูงวัวนับร้อย ๆ ตัวรอให้ผมไล่ต้อน บางทีผมก็อุปโลกน์ตัวเองให้เป็นคาวบอยสิงห์ปืนไวที่กำลังควบม้าตัวเก่งไล่ล่าโจรปล้นธนาคาร โดยมีตุ๊กตาทหารขาเดียวสวมบทอินเดียนแดงคู่หูร่วมทางไปด้วย(จริง ๆ แล้วตุ๊กตาทหารขาเดียวบ่นว่ามันเหมาะกับบทคาวบอยมากกว่า)...นั่นนับเป็นเรื่องที่สนุกและแสนจะวิเศษเกี่ยวกับผมและม้าโยกไม้
ผมออกจะลืม ๆ ไปแล้วว่าตัวเองได้ม้าโยกไม้มาเป็นสมบัติส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้แค่เพียงตอนที่พ่อแบกม้าโยกไม้มาให้เป็นครั้งแรกนั้นผมดีใจมาก...ผมตื่นเต้นและเอาแต่เล่นสนุกกับมันจนเกือบจะลืมกินข้าวด้วยซ้ำ...ม้าโยกไม้ตัวสีฟ้าสวยมีดวงตาสีดำขลับสดใส กลิ่นไม้ผสมกับกลิ่นสีจากตัวของมันให้ความรู้สึกหอมอย่างประหลาดชวนหลงใหล...นั่นล่ะสิ่งที่ทำให้ผมยากที่จะผละลงมาจากหลังของม้าโยกไม้ได้ง่าย ๆ
"พ่อหนูน้อย...ฉันว่าเธอควรที่จะไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาก่อนจะดีกว่า เรายังมีเวลาเล่นด้วยกันอีกนาน...นานตราบเท่าที่เธอยังไม่เบื่อและคิดจะทิ้งฉันให้ฝุ่นจับ" ม้าโยกไม้บอกกับผม
"แต่ฉันกำลังสนุกนี่นา...และฉันจะไม่มีวันทิ้งให้เธอต้องฝุ่นจับแน่นอน...ฉันสัญญา" ผมว่า
"คงเป็นเรื่องที่เราต้องพิสูจน์กันต่อไปนะพ่อหนูน้อย...แต่เธอเชื่อฉันดีกว่า...ไม่มีเด็กขี่ม้าโยกไม้คนไหนจะมีแรงโยกได้ทั้งวันหรอกนะถ้าไม่ได้กินข้าว" ม้าโยกไม้พูดแล้วหัวเราะ
นั่นเป็นเรื่องจริง...ไม่ใช่แค่เรื่องไม่มีเด็กคนไหนจะมีแรงโยกม้าโยกไม้ได้ทั้งวันถ้าไม่ได้กินข้าว...แต่มันรวมถึงเรื่อง สัญญา ที่ผมให้ไว้กับม้าโยกไม้ด้วย...เพราะตั้งแต่ผมได้ม้าโยกไม้ตัวนี้มาเป็นสมบัติส่วนตัว ผมก็ไม่เคยทำให้มันชำรุดเสียหายหรือปล่อยให้มันมีฝุ่นเกาะเลย...นี่กระมังที่ทำให้ตุ๊กตาทหารขาเดียวหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเหน็บแนมผมอยู่เป็นประจำ...นอกจากขี้หงุดหงิดแล้วทหารขาเดียวผู้ห้าวหาญตัวนี้ยังขี้งอนอีกต่างหาก...ผมคิด
ม้าโยกไม้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนเล่นที่แสนวิเศษเพียงอย่างเดียว มันยังทำตัวเป็นคู่สนทนาและให้คำปรึกษาที่ดีอีกด้วย...อย่างน้อยก็ดีกว่าของเล่นทั้งหมดของผมนั่นแหละ
หลายครั้งที่ผมพบว่าเหมือนมีเส้นด้ายจำนวนมากกำลังพันกันอย่างยุ่งเหยิงอยู่ในหัวน้อย ๆ ของตัวเอง ทว่าพอได้พูดคุยกับม้าโยกไม้ ผมกลับรู้สึกว่าเส้นด้ายเหล่านั้นค่อย ๆ ถูกคลายออกจากกัน...อาจจะไม่ทั้งหมด...แต่ก็ยุ่งเหยิงน้อยลง...ดูอย่างตอนที่ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีน้องนั่นประไร
เป็นเวลานานมากที่ม้าโยกไม้ใช้ชีวิตสนุกสนานร่วมกับผมและของเล่นชิ้นอื่น ๆ นานจนบางทีผมก็ลืมสังเกตการเปลี่ยนแปลงจากตัวของมันไป...ซึ่งอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวผมเองด้วย
ระยะหลัง ๆ มานี้ นอกจากการพูดคุยกับม้าโยกไม้ตามปกติ ผมแทบจะไม่ได้ขึ้นขี่หลังและควบมันไปในทุ่งหญ้ากว้างเหมือนเมื่อก่อน นั่นอาจเป็นเพราะผมรู้สึกว่าขาและแขนของตัวเองยาวขึ้นจนทำให้ขี่ม้าโยกไม้ไม่ถนัดก็ได้...มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...ผมสงสัย !!
แล้ววันหนึ่งผมก็พบว่า ม้าโยกไม้ตัวที่เคยมีสีฟ้าสดใส เดี๋ยวนี้สีสันของมันซีดจาง บางจุดของไม้บนลำตัวของมันเริ่มมีร่องรอยของการผุพัง เสียงใส ๆ ในยามที่โยกมันไปข้างหน้ากลับกลายเป็นเสียงเสียดสีของอะไรบางอย่างที่ดังอ๊อดแอ๊ด...อย่างเดียวที่ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ มันยังเป็นม้าโยกไม้ที่สะอาดปราศจากฝุ่น
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า ?" ผมถามพลางลูบไปบนตัวของม้าโยกไม้อย่างทะนุถนอม
"เก่า !!...ฉันกำลังเก่าและกำลังจะหมดสภาพในไม่ช้าพ่อหนูน้อย...อีกไม่นานฉันคงจะผุพังกลายเป็นเศษไม้" ม้าโยกไม้ตอบ มันยังคงส่งยิ้มให้กับผมเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
"ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยล่ะ ?"
"แน่นอน...ที่เธอไม่รู้สึกก็เพราะระยะหลัง ๆ มานี่เธอไม่ค่อยจะได้ควบฉันแล้วน่ะสิ" ม้าโยกไม้ โยกตัวเองสองสามที เสียงดังอ๊อดแอ๊ดของมันบาดลึกเข้าไปในหัวใจน้อย ๆ ของผม
"ฉันขอโทษ...ฉันไม่ดีเองที่หลัง ๆ มานี่ไม่ค่อยจะได้ขี่เธอเลย...แต่นั่นเป็นเพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองตัวโตขึ้นจนทำให้ขี่เธอไม่ถนัด และมันอาจทำให้เธอรำคาญก็ได้" ผมรู้สึกผิด
"ไม่ ๆ ๆ นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกพ่อหนูน้อย...เธอกำลังโตขึ้นจริง ๆ อีกไม่ช้าชีวิตวัยเด็กขอเธอก็จะหมดไป ฉันและของเล่นชิ้นอื่น ๆ ก็คงจะกลายเป็นเพียงความทรงจำเล็ก ๆ ของเธอ...สำหรับของเล่นอื่น ๆ ฉันไม่รู้...แต่สำหรับตัวฉันเอง ฉันคงทำใจไม่ได้ที่จะเหลือชีวิตอยู่แค่ในความทรงจำของเธอเท่านั้น ฉันเลยตัดสินใจทำตัวเองให้เก่าและผุพังซะก่อนไง"
"ฉันจะไม่มีวันเก็บเธอและของเล่นชิ้นอื่น ๆ ไว้ในความทรงจำหรอก พวกเธอจะต้องอยู่กับฉันตลอดไป" ผมเริ่มร้องไห้
"เธอนี่ยังขี้แยเหมือนเดิมเลยนะ...หยุดร้องไห้เถอะพ่อหนูน้อย...ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ...ฉันไม่ได้ทำตัวเองให้เก่าหรอก และเธอก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ฉันเป็นเช่นนี้ด้วย กาลเวลาต่างหากที่เป็นผู้กำหนดให้ฉันเป็นอย่างที่เธอเห็น ไม่มีสิ่งของใดในโลกที่จะอยู่คงทนถาวรหรอกนะ" ม้าโยกไม้เอียงคอของมันมาซบกับไหล่ของผมเหมือนจะปลอบโยน ก่อนจะกล่าวต่อว่า
"มาเถอะ วันนี้ฉันจะให้เธอขี่หลังเป็นวันสุดท้าย ขี่ก่อนที่ฉันจะผุพังลงไปหรือก่อนที่เธอจะโตไปมากกว่านี้ มาเลยพ่อหนูน้อยโดดขึ้นมาบนหลังของฉันแล้วออกแรงควบให้สมกับที่เราทั้งคู่ไม่ได้ผจญภัยด้วยกันมานานแล้ว"
คำพูดของม้าโยกไม้เปลี่ยนความเศร้าของผมให้เป็นความฮึกเหิมอีกครั้ง ผมกระโดดขึ้นหลังของม้าโยกไม้ออกแรงโยกเบา ๆ แล้วเริ่มควบเร็วขึ้นเรื่อย ๆ...ยะฮู้...ทุ่งหญ้าเบื้องหน้าช่างกว้างใหญ่จริง ๆ
"กร๊อบ !!"
เสียงเหมือนส่วนใดส่วนหนึ่งของม้าโยกไม้หัก ผมกลิ้งตกมาจากหลังของมันลงไปนอนแผ่หราอยู่บนพื้น...โลกหมุนติ้วไปชั่วขณะ...ผมนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นมานั่งอย่างงง ๆ เหลียวมองไปยังร่างของม้าโยกไม้ ตอนนี้มันเองก็ไม่ต่างจากผมมากนัก เพราะมันนอนตะแคงอยู่ข้าง ๆ ผมนั่นเอง...ม้าโยกไม้ไม่ได้เป็นอะไรมาก...แต่ขาของมันหักไปซะแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำให้ม้าโยกไม้ต้องชำรุดเสียหาย และเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมกับมันได้เล่นและพูดคุยด้วยกัน เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาพาม้าโยกไม้ไปจากผม...เขาเป็นคนรับซื้อของเก่า...ผมร้องไห้ฟูมฟายทีเดียวที่รู้ว่าตัวเองกับม้าโยกไม้ต้องจากกันแล้ว
"มันพังแล้วนะลูก...เอาไว้พ่อจะหาเงินมาซื้อม้าโยกไม้ตัวใหม่ให้กับนับก็แล้วกัน...ว่าแต่นับโตแล้วนับยังอยากจะขี่ของเล่นเด็ก ๆ แบบนี้อีกรึ ?" เป็นพ่อที่บอกกับผมแบบนี้
สำหรับผม...ผมไม่รู้ว่าตัวเองยังอยากได้ม้าโยกไม้ตัวใหม่อยู่หรือเปล่า...และผมก็ไม่รู้ว่าม้าโยกไม้ตัวใหม่จะให้ความรู้สึกเหมือนกับม้าโยกไม้ตัวเก่าหรือเปล่า...ใช่แล้ว...ม้าโยกไม้ตัวที่ทำให้ชีวิตวัยเด็กของผมมีความสุขที่สุด...ความสุขที่อยู่ในโลกใบเด็กของผมคนเดียว !!
เกี่ยวกับเรื่อง :
ตอนเด็ก ๆ ผมมีม้าโยกไม้อยู่ตัวหนึ่ง ดังนั้นเรื่องม้าโยกไม้เป็นของเล่นชิ้นโปรดของผมในวัยเด็กนั้น...จึงเป็นเรื่องจริง
ผมเก็บรักษาม้าโยกไม้ตัวนี้เอาไว้จนกระทั่งตัวเองขึ้น ป.6 แม้จะรักษามันอย่างดี แต่กาลเวลาก็ทำให้มันเก่าลงไปมาก...วันหนึ่งผมแอบแม่เอาม้าโยกไม้มาขี่เล่นอีกครั้งด้วยความซุกซน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็โตเกินกว่าที่จะควบม้าโยกไม้แล้ว...นั่นจึงเหตุให้ม้าโยกไม้หัก...แล้วพ่อก็ขายมันทิ้งให้กับคนรับซื้อของเก่าไป...เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องจริง...แม้จะต่างจากที่เล่าไปบ้าง
ไม่มีสิ่งของใดในโลกที่จะอยู่คงทนถาวร ประโยคนี้พ่อเป็นคนบอกให้ผมฟัง !!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น