วันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๓.น้อง(๒)

คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ถ้าคุณพบว่ามีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แอบซ่อนอยู่ในท้องของแม่...
และคุณจะรู้สึกประหลาดใจไม่แตกต่างไปจากผม ยิ่งถ้าได้รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ นั้นมันน่าอัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ...
ใช่แล้ว...สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เมื่อออกมาจากท้องของแม่แล้ว ผมต้องเรียกเขาหรือเธอว่า 'น้อง'

ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน หากจะบอกกับใครสักคนว่าผมดีใจมากที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน...เพื่อนที่สามารถเล่นกับผมแทนเพื่อน ๆ แถวบ้านได้เวลาที่ผมกับพวกเขาทะเลาะกัน...เพื่อนที่สามารถเล่นกับผมแทนเพื่อนที่โรงเรียนได้ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์...เพื่อนที่ผมสามารถสั่งให้เขาหรือเธอเล่นกับผมยังไงก็ได้ ด้วยอำนาจของความเป็น 'พี่'...แต่นั่นขึ้นอยู่กับข้อแลกเปลี่ยนที่ว่า ผมต้องดูแลเขาหรือเธอเป็นอย่างดี...ทำไมน่ะเหรอ ?...ก็เพื่อนของผมคนนี้คือ 'น้อง' ของผมเองนี่นา !!
แม้ว่าน้องจะยังไม่ได้ออกมาจากท้องของแม่และผมเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นรูปร่างหน้าตาของน้อง แต่เขาหรือเธอก็สามารถดึงดูดความสนใจของผมจากสิ่งรอบข้างอื่น ๆ ได้อยู่บ่อย ๆ
เธอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่นะ ?” ผมถามพร้อมกับเอาใบหน้าของตัวเองแนบกับท้องของแม่ โดยหวังจะได้ยินเสียงตอบจากน้องที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในนั้น
แทนคำตอบ...ผมรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือหรือไม่ก็ฝ่าเท้าขนาดเล็ก...บางทีน้องของผมอาจเป็นผู้ชาย และเมื่อโตขึ้นเขาอาจจะกลายเป็นนักมวยหรือไม่ก็นักฟุตบอลฝีมือฉกาจ...ผมคิด...และนั่นนับเป็นความอัศจรรย์ประการแรกที่น้องแสดงให้ผมเห็น
น้องยังมีความน่าอัศจรรย์หรือที่ผมแอบเรียกว่า 'พลังพิเศษ' อีกหลายอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่ง...ทึ่งจนอดใจที่จะเจอกับเขาหรือเธอแทบไม่ไหว...
น้องทำให้แม่ซึ่งเป็นสมาชิกที่กินข้าวน้อยที่สุดในบ้าน กลายเป็นคนที่กินเก่งที่สุดจนพ่อแอบค้อน
น้องทำให้ผู้หญิงธรรมดา ๆ แบบแม่ กลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดจนใคร ๆ พากันรุมล้อม...ผมแอบได้ยินคุณยายเจ้าของบ้านที่ครอบครัวของเราเช่าอยู่บอกกับแม่ว่า
หน้าตาสะสวย ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอย่างนี้ ต้องได้ลูกสาวแน่ ๆ
บางทีนั่นอาจจะเป็นคำชมเพราะมันทำให้แม่หน้าแดง...แต่คำพูดของคุณยายคนนี้ ช่างขัดใจผมเหลือเกิน...ผมอยากได้น้องชายต่างหาก...ผมแย้งอยู่ในใจ !!
แต่เชื่อเถอะ...ไม่ว่าน้องจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เขาหรือเธอต้องเป็นเด็กที่แข็งแรงน่าดู เพราะแม้แต่คุณหมอที่โรงพยาบาลซึ่งยังไม่เคยเจอหน้าน้องเหมือนกัน บอกกับแม่ทุกครั้งที่แม่ไปตรวจสุขภาพว่า
เด็กแข็งแรงทีเดียวครับ คุณหมอว่าอย่างนั้น
ที่สำคัญ...ผมว่าน้องจะต้องเป็นเด็กที่ซุกซนพอกับผมเลยล่ะ เพราะเขาหรือเธอเล่นซนอยู่ในท้องแคบ ๆ ของแม่จนแม่รู้สึกเหนื่อย...แม่บอกความลับนี้กับผมในวันหนึ่งซึ่งผมเห็นแม่นั่งพักเหมือนคนหมดแรง
และคุณจะเชื่อไหม...ถ้าผมจะบอกว่าพลังพิเศษของน้องยังส่งผลมาถึงพ่อด้วย เพราะน้องสามารถทำให้ผู้ชายที่รู้จักตลาดน้อยที่สุดอย่างพ่อ ต้องไปตลาดแทนแม่เกือบทุกวัน
มีเรื่องเกี่ยวกับความน่าอัศจรรย์หรือพลังพิเศษของน้องอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผมเองแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาหรือเธอจะทำได้...เรื่องนั้นก็คือ...
น้องสามารถทำให้ 'งู' หมดแรงจนเลื้อยแทบไม่ไหว !!
พ่อเคยเล่าให้ผมฟังว่า เวลางูมาเจอกับคนท้องแบบแม่ของผมตอนนี้ มันจะหมดแรงจนไม่สามารถเลื้อยไปไหนได้ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะมันแพ้พลังของเด็กน้อยที่อยู่ในท้องนั่นเอง...เรื่องที่พ่อเล่านี้ทำให้ผมหัวเราะจนน้ำตาไหล มันเป็นเรื่องตลกที่สุดอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อเล่าให้ผมฟัง
คืนหนึ่ง...
ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงเอะอะของพ่อกับแม่ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกแม่กอดเอาไว้จนแน่นอยู่ตรงมุมห้อง(แม้แม่จะกอดผมได้ไม่ถนัดนักเพราะท้องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ) ในขณะที่พ่อกำลังพยายามใช้ไม้ยาวเกือบวาไล่อะไรบางอย่างไปให้พ้นจากหัวนอน มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีลำตัวยาวและมีขนาดเท่ากับขาเล็ก ๆ ของผม...ใช่แล้ว...ผมหมายถึง 'งู'
พ่อพยายามใช้ไม้ไล่ต้อนดักหน้าดักหลังเพื่อบังคับทิศทางให้งูตัวนั้นเลื้อยออกจากบ้านไป...แน่นอนว่าพ่อของผมคงไม่ใจร้ายขนาดที่จะตีงูตัวนั้นให้ตาย และถึงพ่ออยากจะตีมันเต็มที่ แต่ผมว่าพ่อคงไม่มีแรงพอหรอก...ก็คนที่มือสั่นมักจะไม่ค่อยมีแรงใช่ไหมล่ะ ?
งูตัวนั้นค่อย ๆ เลื้อยอย่างช้า ๆ เหมือนคนไม่มีแรงเพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน มันเลื้อยหลบไม้ของพ่อที่ไล่ต้อนเอาไว้ไปที่ประตูบ้านซึ่งถูกเปิดเตรียมเอาไว้แล้ว ก่อนจะเลื้อยออกจากประตูบ้านไป...น่าแปลกที่เมื่องูจอมเชื่องช้าเลื้อยพ้นประตูบ้าน มันก็กลับกลายเป็นงูที่ปราดเปรียวขึ้นมาอีกครั้ง มันเลื้อยด้วยความรวดเร็วออกไปทางหลังบ้านและเลื้อยผ่านรั้วบ้านออกไปทางสวนผลไม้ซึ่งอยู่ด้านหลัง ทิ้งพ่อซึ่งวิ่งตามไปดูผลงานของตัวเองให้ยืนทำตาปริบ ๆ พร้อมกับเหงื่อเม็ดโป้ง
รุ่งขึ้น...เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่รู้ข่าวเรื่องงูขึ้นบ้านของผม ต่างพากันมาเยี่ยมพ่อกับแม่และจับกลุ่มคุยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส เพื่อนบ้านคนหนึ่งสรุปเอาเองว่างูตัวนั้นน่าจะเป็นงูเจ้าที่ เพราะสามารถเข้ามาภายในบ้านของผมได้ทั้ง ๆ ที่ประตูก็ปิดอยู่ แถมยังไม่ยอมทำร้ายคนในบ้านอีก เพื่อนบ้านคนเดิมยังบอกอีกว่าครอบครัวของเราจะโชคดีน่าจะลองซื้อล็อตเตอรี่ดู ส่วนตัวแกวันนี้จะกลับบ้านไปซื้อเลขเด็ดแน่นอน
สำหรับพ่อ...พ่ออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนบ้านฟังว่า ที่งูสามารถเข้ามาภายในบ้านได้ก็เพราะที่ฝาไม้ในครัวของเรามีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งงูอาจจะเลื้อยมาจากสวนผลไม้หลังบ้านและเข้ามาทางช่องโหว่นี้ และวันนี้พ่อก็จะจัดการอุดช่องโหว่นั้น
ส่วนเรื่องที่งูไม่ทำร้ายคนในบ้าน ก็เพราะไม่มีใครไปทำร้ายมันก่อน...งูไม่ใช่สัตว์ที่จะฉกจะกัดอะไรโดยไม่มีเหตุผล...พ่อช่างอธิบายอะไรได้สมเหตุสมผลจริง ๆ สมกับที่พ่อเป็นข้าราชการโดยแท้
แล้วทำไมมันถึงได้เลื้อยช้าตอนอยู่ในบ้านล่ะจ๊ะพ่อ แต่พอออกไปนอกบ้านเท่านั้นมันพุ่งเร็วยังกับจรวด ผมถามพ่อหลังจากที่เพื่อนบ้านกลับกันไปหมดแล้ว
ก็พ่อเคยบอกแล้วไงล่ะว่า งูมันแพ้พลังของเด็กที่อยู่ในท้อง...พอดีแม่ของนับกำลังมีน้อง งูมันเห็นมันก็เลยหมดแรง พ่อบอกกับผม แต่คราวนี้พ่อไม่ยักกะใช้เหตุผลของข้าราชการแฮะ...ผมแอบหัวเราะ
เรื่องของงูแพ้พลังพิเศษของเด็กที่อยู่ในท้องนั้น จริงเท็จแค่ไหนผมเองก็ไม่รู้ และมันจะเป็นพลังพิเศษของน้องหรือเปล่าผมก็ใคร่ไม่อยากจะพิสูจน์นัก เพราะอย่างไรก็ตามพลังพิเศษหรือความน่าอัศจรรย์ของน้องที่ผมรับรู้ได้ในเรื่องอื่น ๆ แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
สองสามเดือนต่อมา น้องของผมก็ออกมาจากท้องของแม่ในวันและเดือนเดียวกับที่ผมเกิด...น่าอัศจรรย์ที่เธอเกิดปี 'มะโรง' และเธอเป็น 'น้องสาว'
เกี่ยวกับเรื่อง :
'น้อง' สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในท้องของแม่ขณะนั้น มักจะสร้างความประหลาดใจให้กับผมเสมอ ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้ออกมาดูโลกแท้ ๆ ดังนั้นเรื่องของความน่าอัศจรรย์ของน้องจึงเป็นเรื่องจริงสำหรับผม
เรื่องที่พ่อเล่าเกี่ยวกับงูแพ้คนท้องจนเลื้อยไปไหนไม่ไหว เป็นเรื่องที่พ่อเล่าให้ผมฟังจริง ๆ
เรื่องที่งูขึ้นบ้านของผมก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน แต่เรื่องที่มันเลื้อยไปไหนไม่ไหว แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ผมเองก็ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
น้องสาวผมเกิดปีมะโรง และเกิดวันที่ 20 พฤษภาคม เหมือนกับผม...มันช่างดูน่าอัศจรรย์..แต่ก็เป็นเรื่องจริง !!

ไม่มีความคิดเห็น: