วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๑.ปู่ลายเส้น

"นับเอ๊ย!! ทำอะไรอยู่น่ะลูก" ปู่ถาม

"กำลังวาดรูปปู่อยู่จ้ะ" ผมตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเพราะกำลังง่วนอยู่กับการขีดเขียนรูปภาพลงบนกระดาษสีขาว ทว่าตอนนี้มันเลอะเทอะไปด้วยลายเส้นที่ยึกยือของผม
"ไหน ๆ ขอดูหน่อยซิว่าหลานของปู่จะวาดรูปปู่ได้เหมือนแค่ไหน...โอ้โฮ!! เหมือนเปี๊ยบเลย"

เป็นเรื่องโชคดีของใครหลาย ๆ คนที่เกิดมาแล้วมีโอกาสได้เจอปู่ของตัวเอง...ปู่ ผู้ชายที่หมายถึงพ่อของพ่อเรานั่นแหละ!!
พ่อบอกว่าปู่ของผมเสียไปนานแล้ว...เสียไปตั้งแต่ก่อนผมเกิดหลายสิบปี ดังนั้นเมื่อเริ่มจำความได้ ผมจึงรู้จักแต่ 'ย่า' ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของปู่เท่านั้น...ใช่ ๆ...ผมหมายถึงย่าคนที่ชอบทำแต่ไข่ตุ๋นให้ผมกิน...และดูเหมือนผมจะเคยเล่าถึงย่าไปแล้วครั้งหนึ่ง
สำหรับปู่...ผมไม่เคยรู้เลยว่าปู่มีหน้าตาเป็นอย่างไรเพราะพ่อไม่เคยมีรูปถ่ายของปู่ให้ผมดู ผมรู้แต่เพียงคร่าว ๆ จากปากของพ่อว่าตอนหนุ่ม ๆ ปู่หล่อและใจดีกว่าย่ามากนัก...พ่อผมว่าอย่างนั้น...ซึ่งผมเองก็เชื่อพ่อ
นั่นทำให้ผมอยากจะเจอปู่สักครั้ง...ทั้ง ๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้

วันหนึ่ง...
ผมนั่งวาดรูปเล่นอยู่บนเสื่อใต้ต้นชมพู่ต้นใหญ่ซึ่งยืนทอร่มเงาอยู่หลังบ้าน ผมขีดเขียนรูปภาพอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็ก ผมวาดรูป รถ เรือ เครื่องบิน บ้านที่ตัวเองอยู่ ดอกไม้ ก้อนเมฆ เพื่อนที่โรงเรียน หรือแม้แต่รูปบรรดาของเล่นของผม
รู้อะไรไหม ?...ตุ๊กตาทหารขาเดียว ชอบให้ผมวาดรูปของมันมากที่สุด มันบอกว่าผมมีฝีมือดีและอาจกลายเป็นจิตรกรใหญ่ในอนาคต...แต่ที่ตลกก็คือตุ๊กตาทหารขาเดียวไม่รู้หรอกว่า 'จิตรกร' คืออะไรกันแน่
ผมวาดภาพอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายจนกระทั่ง...จนกระทั่งผมนึกอยากจะวาดภาพปู่ของตัวเองขึ้นมา
ผมเริ่มวาดวงกลมหนึ่งวง เติมตา จมูก และปากที่กำลังยิ้มกว้างลงไป ใส่เส้นผมให้สองสามเส้นเพราะคิดว่าปู่คงจะแก่แล้วเส้นผมน่าจะเหลือน้อย(ผมแอบหัวเราะ)...อ้าว!! ผมลืมใส่ใบหูให้ปู่...ถ้าลืมล่ะแย่เลย...เพราะปู่จะไม่ได้ยินเวลาที่ใครเขาคุยกัน...ปู่จะกลายเป็นคนหูตึง(ผมแอบหัวเราะอีกแล้ว)
จากนั้นผมก็วาดลำตัว แขน ขา ด้วยเส้นตรงอย่างง่าย ๆ...อาว์...ปู่ของผมดูดีไม่ใช่เล่น
"นับเอ๊ย!! ทำอะไรอยู่น่ะลูก" ปู่ถาม
"กำลังวาดรูปปู่อยู่จ้ะ" ผมตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเพราะกำลังง่วนอยู่กับการขีดเขียนรูปภาพลงบนกระดาษสีขาว ทว่าตอนนี้มันเลอะเทอะไปด้วยลายเส้นที่ยึกยือของผม
"ไหน ๆ ขอดูหน่อยซิว่าหลานของปู่จะวาดรูปปู่ได้เหมือนแค่ไหน...โอ้โฮ!! เหมือนเปี๊ยบเลย"
คราวนี้ผมแหงนหน้าขึ้นมองปู่ และพบว่ารูปปู่ที่ตัวเองวาดกับปู่คนที่กำลังพูดกับผมนั้น...ช่างเหมือนกันเสียจริง ๆ
ปู่พาร่างลายเส้นบาง ๆ และหน้าตากลม ๆ ของตัวเองเข้ามานั่งข้างผม บรรจงลูบไล้เส้นผมและใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ปู่รู้นะว่านับอยากจะเจอปู่"
"ปู่รู้ได้อย่างไรจ๊ะ" ผมถาม ขณะที่ในใจกำลังขบขันกับรูปลักษณ์ของ 'ปู่ลายเส้น'
"ปู่รู้ทุกเรื่องนั่นแหละ...รวมถึงเรื่องที่นับกำลังแอบขำอยู่ด้วยนะ" ปู่เหมือนจะอ่านใจผมออก...มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดง
"นับขอโทษ...แต่เดี๋ยวนับจะวาดรูปปู่ใหม่ให้สวยกว่านี้" ผมว่า
"โอ!! ไม่ต้องหรอก...แบบนี้ปู่ว่ามันก็ดูดีแล้วล่ะหลานรัก...มาสิ...ปู่จะเล่าเรื่องของปู่ให้นับฟัง"
ปู่ให้ผมนอนหนุนตักที่เป็นลายเส้นกระด้าง ๆ แต่แปลกที่ผมกลับรู้สึกนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก แล้วปู่ก็เริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง เรื่องที่ปู่เป็นช่างตีเหล็ก เรื่องที่ปู่พบรักกับย่าตอนไปดูลำตัดในค่ำคืนหนึ่ง เรื่องที่ปู่พาลูก ๆ(แน่นอนว่าต้องมีพ่อผมด้วย)ไปตกปลาทั้งวันแล้วได้ปลาตัวเล็ก ๆ มาแค่ตัวเดียว ปู่ยังเล่าอะไรอีกหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ปู่ตากฝนออกไปช่วยเพื่อนบ้านตามควายซึ่งถูกขโมยไป แล้วปู่ก็กลับบ้านมาพร้อมกับอาการไข้หวัดเล็ก ๆ...ไข้หวัดที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้ปู่ต้องจากครอบครัวไปก่อนวัยอันควร
ผมไม่รู้ว่าปู่เล่าอะไรต่อไปอีกหรือเปล่า...นั่นเป็นเพราะว่าผมเคลิ้มหลับไปบนตักลายเส้นของปู่นั่นเอง

"นับเอ๊ย!! ทำอะไรอยู่น่ะลูก....ทำไมมานอนตรงนี้" พ่อถาม
"นับกำลังวาดรูปปู่อยู่จ้ะพ่อ...นับได้คุยกับปู่ด้วยนะจ๊ะ" ผมงัวเงียขึ้นมาบอกกับพ่อ
"แล้วปู่หน้าตาเป็นอย่างไรล่ะลูก" พ่อถามยิ้ม ๆ
"หน้าตาปู่ก็เหมือนในรูปนี้ไง...พ่อว่าเหมือนไหมจ๊ะ ?" ผมหยิบรูปที่ตัวเองวาดให้พ่อดู
"อืม!! ไม่รู้สินะ...เอาไว้เมื่อนับโตขึ้น มีครอบครัว มีลูก แล้วนับก็จะรู้เองว่าหน้าตาของปู่เป็นอย่างไร...บางทีนะ...ปู่อาจจะหน้าตาเหมือนพ่อนี่แหละ" พ่อหัวเราะ
บางทีพ่อของผมก็ชอบพูดอะไรที่เข้าใจยากอยู่บ่อย ๆ ซึ่งมันทำให้ผมแอบขำทุกที!!
เกี่ยวกับเรื่อง :
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปู่ของผมใน 'โลกใบเด็ก' ตอนนี้เป็นเรื่องจริง...ยกเว้นเรื่องของ 'ปู่ลายเส้น'
เรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่งก็คือ พ่อผมนั่นแหละที่เป็นคนเล่าเรื่องของปู่ให้ฟังนอกเหนือจากเรื่องของปู่หล่อและใจดีกว่าย่า
และสุดท้าย...น่าเสียดายที่ลูกของผมเอง ก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักกับปู่ของเขาเหมือนกัน



ไม่มีความคิดเห็น: