วันหนึ่งที่โรงเรียนตอนพักเที่ยง.....
ระหว่างที่ผมเดินกลับมาจากซื้อ 'ขนมโก๋' ที่โรงอาหาร ผมเห็น 'หมูอ๋อง' กับ 'แป้ง' เพื่อนสนิททั้งสองคนของผมกำลังถกเถียงเรื่องอะไรซักเรื่องอย่างเอาเป็นเอาตาย อยู่ที่โต๊ะม้าหินข้าง ๆ เสาธง
"มันคือความเมตตาที่พ่อแม่มีให้ลูก ๆ แน่นอน" หมูอ๋องพูดเสียงดังใส่แป้ง
"มันคือความเอาใจใส่ที่พ่อแม่มีให้กับลูก ๆ ต่างหากล่ะ" แป้งตะโกนกลับไปด้วยเสียงที่ดังกว่า เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มอมแมมและชอบเล่นซุกซนเหมือนเด็กผู้ชาย...ที่สำคัญเธอร้ายไม่ใช่เล่น!!
"นี่พวกเธอกำลังคุยกันเรื่องอะไรเหรอ ?" ผมถาม
"พวกเรากำลังเถียงกันเรื่องความรักของพ่อแม่คืออะไรอยู่น่ะสิ" แป้งบอก
"ใช่ ๆ ฉันคิดว่าความรักของพ่อแม่ก็คือความเมตตาที่มีให้กับลูก ๆ ส่วนยัยเด็กผู้หญิงคนนี้กลับบอกว่ามันคือการเอาใจใส่...ซึ่งฉันว่ามันไม่ถูกต้องนายว่าไหมคำนับ" ประโยคหลังหมูอ๋องถามผมเหมือนต้องการเสียงสนับสนุน
"อย่ามาทำเป็นหาพวกหน่อยเลยอ้ายหมูอ้วน...เธอว่าฉันหรือหมูอ๋องกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูก" คราวนี้แป้งเป็นฝ่ายถามผมขึ้นมาบ้าง เธอไม่ถามอย่างเดียวแต่ถลึงตากลมโตใส่ผมด้วย
"เออ...เออ...ไม่รู้สินะ" ผมรู้สึกเหมือนขนมโก๋คำที่เพิ่งจะกินไปเมื่อครู่จุกอยู่ที่ลำคอ
"งั้นเธอว่าความรักของพ่อแม่คืออะไร ?" แป้งถามอีก คราวนี้เธอเปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นยืนเท้าสะเอว
"ฉัน...เออ...ฉันว่า...ความรักของพ่อแม่ก็คือ 'เป็ดพะโล้' มั้ง" ผมตอบตะกุกตะกัก
คำตอบของผมทำให้แป้งและหมูอ๋องต้องหันไปสบตากันก่อนจะหันกลับมามองหน้าของผมพร้อม ๆ กันอีกครั้ง...หน้าที่ดูเจื่อน ๆ มีเศษขนมโก๋เลอะอยู่แถว ๆ แก้มและมุมปาก
จำได้ว่าในบ่ายของวันอาทิตย์วันหนึ่ง...มันเป็นบ่ายที่แดดจัดทีเดียว
ผมกลับมาจากเล่นซุกซนกับบรรดาเพื่อน ๆ 'ของเล่น' แถว ๆ สวนหลังบ้าน แล้วจู่ ๆ ผมก็มีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัวและตัวร้อน...ผมเป็นไข้แดดแฮะ!!
จะว่าไปแล้วคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงจริง ๆ พอเป็นไข้แดด กินยา ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอนพักผ่อนไม่นานก็หาย...แต่คงใช้ไม่ได้กับเด็กขี้โรคอย่างผม เพราะผมถึงกับนอนซมทีเดียวล่ะ
อาการป่วยของผมคงจะหนักเอาการเพราะกินยา 'หมอตี๋' หน้าปากซอยแล้วไข้ก็ยังไม่ลด แม่ต้องคอยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ผมแอบเห็นแม่ทำตาแดงเหมือนคนจะร้องไห้ แม่คงเบื่อที่ต้องเช็ดตัวให้ผมบ่อย ๆ กระมัง บางทีแม่ก็เอาหน้าผากของแม่มาชนกับหน้าผากของผมแล้วบอกว่าเดี๋ยวแม่จะดูดพิษไข้ออกมาให้เอง...แม่ผมนี่ตลกเสมอ แม้ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้
รุ่งขึ้น...พ่อไปลาครูที่โรงเรียนให้ผมก่อนจะชวนแม่พาผมไปหาหมอที่โรงพยาบาล...นั่นหลังจากที่พ่อค้นพบว่ายาของหมอตี๋ไม่ได้ช่วยอะไรผมเท่าไหร่
แม้ร่างกายของผมดูจะไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลย แต่ผมก็ต่อสู้สุดฤทธิ์กับการถูกพาไปหาหมอ...แน่นอนว่าผมไม่อยากให้เข็มแหลมของหมอมาทิ่มที่เนื้อนิ่ม ๆ ของผม...มันเจ็บทีเดียวล่ะ!!
พ่อกับแม่ต้องปะเหลาะผมอยู่นานกว่าผมจะยอมไปโรงพยาบาลด้วย...ผมยอมไปทั้ง ๆ ที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
"ถ้านับยอมไปหาหมอ พ่อจะซื้อเป็ดพะโล้ให้กินเอาไหม ?" นั่นคือวิธีปะเหลาะของพ่อ...พ่อนี่ช่างร้ายกาจไม่เบา...พ่อรู้จุดอ่อนของผมว่าชอบกินเป็ดพะโล้คลุกข้าวสวยร้อน ๆ มาก...แม้ว่าผมกับเป็ดพะโล้จะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยนัก
'เป็ดพะโล้' ที่บางคนบ่นว่าเหม็นสาบแต่ทำไมราคามันถึงได้แพงนักก็ไมรู้ ด้วยเหตุนี้กระมังผมถึงไม่ค่อยได้เจอกับมัน
หลังจากที่ผมยอมให้หมอเอาเข็มแหลม ๆ ทิ่มเนื้อนิ่มแถวสะโพกแล้ว ก็กลับมานอนพักฟื้นที่บ้านอีกวันกว่า ๆ ผมจึงรู้สึกดีขึ้น
เย็นนั้นพ่ออาสาไปจ่ายตลาดเอง ความจริงพ่อไม่ค่อยได้ไปตลาดบ่อยนักเพราะนั่นเป็นหน้าที่ของแม่...แต่พ่อมีสัญญาที่ให้ไว้กับผม...พ่อไม่เคยลืมสัญญาของลูกผู้ชาย...ใช่แล้วสัญญาเรื่องเป็ดพะโล้...และพ่อก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับเป็ดพะโล้ครึ่งตัว...มันทำให้กับข้าวเย็นมื้อนั้นของผมเป็นมื้อที่อร่อยที่สุดมื้อหนึ่งเลยก็ว่าได้...แต่ผมก็แอบสงสัยอยู่ว่า ทำไมพ่อกับแม่ถึงชอบกินกระดูกของเป็ดส่วนเนื้อยกให้ผมกินหมด
"เป็ดพะโล้นี่อร่อยนะจ๊ะพ่อ" ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่กลืนเนื้อเป็ดชิ้นแรกลงไป
"มันต้องอร่อยอยู่แล้วล่ะลูก เพราะมันคือ 'ความรัก' ของพ่อกับแม่ที่มีให้นับไง" พ่อว่า
"พอโตขึ้นมีเงิน นับจะซื้อเป็ดพะโล้ให้พ่อกับแม่กินบ้าง เพราะนับรักพ่อกับแม่ที่สุดในโลก" ผมบอก
"ไม่ต้องหรอกลูก...เพราะเมื่อถึงเวลานั้นถ้านับยังรักพ่อกับแม่อยู่จริง ๆ ล่ะก็...พ่อว่านับต้มข้าวต้มให้พ่อกับแม่กินดีกว่า...เพราะกว่านับจะโต พ่อกับแม่คงแก่ฟันฟางร่วงหมดปาก เคี้ยวกระดูกเป็ดไม่ไหวแล้ว"
พ่อว่าแล้วหัวเราะกับแม่ ก่อนจะเคี้ยวกระดูกเป็ดพะโล้เสียงดังกร๊อบ!!
เกี่ยวกับเรื่อง :
ผมเป็นคนชอบกิน 'เป็ดพะโล้' มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ขึ้นชื่อว่า 'เป็ด' ราคามันค่อนข้างแพงซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม...ทั้ง ๆ ที่มันออกจะเหม็นสาบในความรู้สึกของคนหลาย ๆ คน
วันหนึ่งผมไม่สบายมากแต่ไม่ยอมไปหาหมอ จนพ่อต้องปะเหลาะว่าจะซื้อเป็ดพะโล้ให้กินผมถึงยอมไป
เป็ดพะโล้ครึ่งซีกถึงราคาจะครึ่งเดียว แต่สำหรับครอบครัวของผมในขณะนั้นมันก็ยังแพงอยู่ดี แต่พ่อก็ยังไปซื้อเป็ดพะโล้จากตลาดมาให้ผมกินจนได้...มันเป็นเป็ดพะโล้แห่งความรักจริง ๆ !!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น