วันอาทิตย์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๕.กัดปลา-ปลากัด

     ภาพ ของเจ้า ตอปิโด ที่ถูกไล่ต้อนจนบอบช้ำ เหมือนเข็มนับพันเล่มที่พร้อมใจกันแทงลงมาบนหัวใจของผม...มันเจ็บจี๊ดยังไงไม่รู้...    
    
     ปลากัด... 
     คุณรู้จักปลากัดไหม ? 

     ปลากัดที่ผมรู้จัก เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก หน้าตาขี้โมโห ตัวไม่น่าโตเกินนิ้วโป้งและยาวไม่เกินนิ้วชี้หรือนิ้วกลางซึ่งอาจจะเล็กกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ มันเป็นปลาที่รักสันโดดชอบอยู่เพียงลำพังในแหล่งน้ำที่นิ่ง ๆ ประเภท ห้วย หนอง คลอง บึง ในบริเวณที่มีระดับน้ำตื้น ๆ มีไม้น้ำขึ้นบ้างพอให้พรางตัว

     เวลาที่มีใครไปกวนใจหรือทำให้มันหงุดหงิด เจ้าปลาตัวจ้อยจะพองตัวทำเหงือก(ปลา)บานเข้าใส่...ช่างเป็นปลาที่กร้าวร้าวจริง ๆ...กระนั้นตอนที่มันแสดงอาการหงุดหงิดกลับทำให้สีสันบนตัวของมันชัดเจนขึ้น...ใช่แล้ว...ปลากัดที่ผมคุ้นเคยและเห็นอยู่บ่อย ๆ มักจะมีสีน้ำตาลแกมแดงไม่ก็เหลือบน้ำเงินหรือเขียว...มันดูสวยงามทีเดียวล่ะ!!

วันอังคารที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๔.วาระสุดท้ายของม้าโยกไม้

ไม่มีสิ่งของใดในโลกที่จะอยู่คงทนถาวร.....

แด่ ม้าโยกไม้ ผู้จากไป

    
      ตอนเด็ก ๆ ผมมีของเล่นที่เป็นสมบัติส่วนตัวอยู่ไม่มากนัก เรียกว่าสามารถนับชิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แม้ผมจะเป็นเด็กที่ชอบเล่นซุกซนจนทำให้ของเล่นหลายชิ้นต้องชำรุดเสียหายไปบ้าง...แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง...ผมรักของเล่นของผมมาก...เพราะพวกมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกใบเด็กน้อย ๆ ของผม...

     ในบรรดาของเล่นทั้งหมดที่ผมมีอยู่ นอกจาก ตุ๊กตาทหารขาเดียว ขี้หงุดหงิดแล้ว ม้าโยกไม้ ดูจะเป็นของเล่นชิ้นโปรดอีกชิ้นหนึ่งของผมทีเดียว

     ทุกครั้งที่ผมขึ้นขี่หลังของม้าโยกไม้และเริ่มโยกตัวของมันช้า ๆ ภาพเบื้องหน้าจะเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีฝูงวัวนับร้อย ๆ ตัวรอให้ผมไล่ต้อน บางทีผมก็อุปโลกน์ตัวเองให้เป็นคาวบอยสิงห์ปืนไวที่กำลังควบม้าตัวเก่งไล่ล่าโจรปล้นธนาคาร โดยมีตุ๊กตาทหารขาเดียวสวมบทอินเดียนแดงคู่หูร่วมทางไปด้วย(จริง ๆ แล้วตุ๊กตาทหารขาเดียวบ่นว่ามันเหมาะกับบทคาวบอยมากกว่า)...นั่นนับเป็นเรื่องที่สนุกและแสนจะวิเศษเกี่ยวกับผมและม้าโยกไม้

วันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๓.น้อง(๒)

คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ถ้าคุณพบว่ามีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แอบซ่อนอยู่ในท้องของแม่...
และคุณจะรู้สึกประหลาดใจไม่แตกต่างไปจากผม ยิ่งถ้าได้รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ นั้นมันน่าอัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ...
ใช่แล้ว...สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เมื่อออกมาจากท้องของแม่แล้ว ผมต้องเรียกเขาหรือเธอว่า 'น้อง'

วันศุกร์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๒.น้อง(๑)

"พ่อจ๋า...พ่อจ๋า...วันนี้น้องจะออกมาแล้วใช่ไหมจ๊ะ ?" ผมถาม
"อืม!! ยังหรอกลูก...น้องยังไม่ออกมาวันนี้หรอก" พ่อตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผม...แน่ล่ะ...เพราะตอนนี้พ่อกำลังง่วนอยู่กับการซักผ้ากองโตที่อยู่ในกะละมังแทนแม่
"แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะจ๊ะ น้องจะออกมาให้นับได้อุ้มหรือเปล่า ?" ผมถามอีก
คราวนี้พ่อละสายตาจากงาน(ที่ไม่ประจำ)ขึ้นมองผมก่อนจะส่งยิ้มให้...ผมรู้ว่าพ่อไม่เคยรำคาญลูกของตัวเองและพ่อก็ให้ความสำคัญกับผมเสมอ
"นับเอ๊ย!! อีกหกเดือนนะลูก กว่าน้องจะออกมาให้นับอุ้มได้...น้องต้องใช้ชีวิตอยู่ในท้องของแม่ซักระยะหนึ่งก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อออกมาแล้วน้องจะไม่โดนนับรังแก" พ่อว่าก่อนจะก้มหน้าก้มตาซักผ้าต่อไป
ส่วนผม...คงได้แต่นั่งเท้าคางรอคอยเวลาที่จะได้เห็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ตัวเองต้องเรียกเขาหรือเธอว่า 'น้อง' ด้วยความตื่นเต้นและใจจดใจจ่อ

วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔

๒๑.ปู่ลายเส้น

"นับเอ๊ย!! ทำอะไรอยู่น่ะลูก" ปู่ถาม

"กำลังวาดรูปปู่อยู่จ้ะ" ผมตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเพราะกำลังง่วนอยู่กับการขีดเขียนรูปภาพลงบนกระดาษสีขาว ทว่าตอนนี้มันเลอะเทอะไปด้วยลายเส้นที่ยึกยือของผม
"ไหน ๆ ขอดูหน่อยซิว่าหลานของปู่จะวาดรูปปู่ได้เหมือนแค่ไหน...โอ้โฮ!! เหมือนเปี๊ยบเลย"

เป็นเรื่องโชคดีของใครหลาย ๆ คนที่เกิดมาแล้วมีโอกาสได้เจอปู่ของตัวเอง...ปู่ ผู้ชายที่หมายถึงพ่อของพ่อเรานั่นแหละ!!
พ่อบอกว่าปู่ของผมเสียไปนานแล้ว...เสียไปตั้งแต่ก่อนผมเกิดหลายสิบปี ดังนั้นเมื่อเริ่มจำความได้ ผมจึงรู้จักแต่ 'ย่า' ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของปู่เท่านั้น...ใช่ ๆ...ผมหมายถึงย่าคนที่ชอบทำแต่ไข่ตุ๋นให้ผมกิน...และดูเหมือนผมจะเคยเล่าถึงย่าไปแล้วครั้งหนึ่ง
สำหรับปู่...ผมไม่เคยรู้เลยว่าปู่มีหน้าตาเป็นอย่างไรเพราะพ่อไม่เคยมีรูปถ่ายของปู่ให้ผมดู ผมรู้แต่เพียงคร่าว ๆ จากปากของพ่อว่าตอนหนุ่ม ๆ ปู่หล่อและใจดีกว่าย่ามากนัก...พ่อผมว่าอย่างนั้น...ซึ่งผมเองก็เชื่อพ่อ
นั่นทำให้ผมอยากจะเจอปู่สักครั้ง...ทั้ง ๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้