วันอาทิตย์ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๖.นักล่าแมลงปอ
'แมลงปอ' ฝูงใหญ่ บินฉวัดเฉวียนไปมาอยู่ในอากาศมองดูคล้ายกลุ่มควันหนาทึบ ก่อนจะพุ่งดิ่งเข้าโจมตีใส่ตามร่างกายของผม...ใครเลยจะคาดคิดว่าแมลงปอตัวน้อยที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ในยามที่มันรวมตัวกันเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองและพวกพ้องจะน่ากลัวไม่แพ้ฝูงผึ้ง !!.....
ในโรงเรียนประถมที่ผมเคยเรียนเมื่อครั้งวัยเด็ก มีทุ่งหญ้าหน้าอาคารเรียนที่กว้างใหญ่เอามาก ๆ.....จริง ๆ แล้วมันก็เป็นแค่สนามฟุตบอลธรรมดา ๆ นี่แหละ...แต่ในความคิดของเด็กขณะนั้น ผมว่ามันช่างดูกว้างเสียจนสุดลูกหูลูกตาทีเดียว
ที่สนามฟุตบอลนี้ ทางโรงเรียนจะปูหญ้าเอาไว้อย่างสวยงาม มีลุงภารโรงคอยดูแลตัดหญ้าให้สั้นเป็นระเบียบอยู่เสมอ...เด็ก ๆ ที่เรียนหนังสืออยู่ที่นี่ล้วนต้องเคยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานบนพรมหญ้าสีเขียวสดด้วยกันทุกคน...แน่นอนว่าในจำนวนเด็กนักเรียนที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานนั้น...มีผมรวมอยู่ด้วยหนึ่งคน
แม้เท้าเล็ก ๆ หลายร้อยคู่จะทำให้ต้นหญ้าที่ปูเอาไว้มีอันต้องตายลงไปบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของอาจารย์ใหญ่ผู้ใจดีจืดจางลง
"หญ้าตาย เราก็หาหญ้าผืนใหม่มาลง แต่ถ้าเด็ก ๆ ไม่มีที่วิ่งเล่นนี่สิ เราจะหารอยยิ้มกันได้จากที่ไหน?" อาจารย์ใหญ่กล่าวกับลุงภารโรงเอาไว้อย่างนี้
เชื่อไหมว่าเมื่อโตขึ้น ผมรู้สึกเห็นด้วยกับประโยคนี้ของอาจารย์ใหญ่มาก...ผมเคยเห็นบางโรงเรียนปูสนามหญ้าเอาไว้อย่างสวยงาม แต่ห้ามเด็ก ๆ ลงไปวิ่งเล่นเพราะกลัวหญ้าที่ซื้อมาลงไว้จะตายเสียหมด...ทั้งที่จริงเงินค่าหญ้าแต่ละตารางเมตร ก็มาจากเงินค่าเทอมของเด็ก ๆ นั่นแหละ...อันนี้ผมเดาเอาเอง !!
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอาจารย์ใหญ่อยากจะเห็นนักเรียนของท่านลงไปวิ่งเล่นในสนามทุกวัน...ทุกอย่างบางทีก็ต้องมีข้อยกเว้น
ในฤดูฝน ฝนฟ้าที่ตกลงมาเกือบทุกวันมักทำให้สนามฟุตบอล(หรือทุ่งหญ้าของผม)เจิ่งนองไปด้วยน้ำที่ท่วมขังอยู่เป็นหย่อม ๆ ...ผมเชื่อว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่อาจารย์ใหญ่ทุกข์ใจมากที่สุดช่วงหนึ่ง เพราะท่านจะต้องคอยประกาศที่หน้าเสาธงทุกเช้าว่าห้ามเด็ก ๆ ลงไปวิ่งเล่นในสนามสักระยะจนกว่าน้ำที่ท่วมขังจะแห้งสนิทหรือจนกว่าหน้าฝนจะหมดไป...ซึ่งมันดูนานเป็นแรมปีทีเดียวสำหรับเด็ก ๆ.....แต่ใครเล่าจะรอนานขนาดนั้น...อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ !!
ผมและเพื่อน ๆ ซึ่งรวมถึงเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ อีกหลายคน มักจะหาโอกาสลงไปเล่นในสนามกันอยู่บ่อยครั้ง...อาจารย์ใหญ่เองก็เห็น แต่ท่านไม่ได้ว่าอะไรนอกจากส่ายหัว ท่านคงรู้ดีว่าคำว่า 'ห้าม' ในความหมายของเด็กก็คือ 'การท้าให้เรียนรู้' อาจารย์ใหญ่ได้แต่กำชับบรรดาครูและลุงภารโรงให้คอยสอดส่องดูแลพวกเราไม่ให้ไปเล่นในบริเวณที่เฉอะแฉะเกินไป เพราะอาจทำให้ชุดนักเรียนที่สวมใส่เปื้อนดินเปื้อนโคลนกลายเป็นเด็กมอมแมมไม่น่ารัก
ในเมื่อสนามวิ่งเล่นของพวกเราเหล่าเด็กจอมซุกซนเหลือพื้นที่น้อยนิด ผมและเพื่อน ๆ จึงต้องหาวิธีเล่นสารพัดชนิดเท่าที่คิดได้โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่อันจำกัดให้คุ้มค่าที่สุด หนึ่งในการละเล่นนั้นก็คือ การเล่นเป็นนักล่า
เวลาที่มีน้ำท่วมขังอยู่ในสนาม จะมีฝูงแมลงชนิดหนึ่งชอบมาบินล้อน้ำและเกาะอยู่ตามยอดหญ้า...หน้าตาของพวกมันช่างแปลกสิ้นดี มันมีตาที่กลมโตกว่าหัวซึ่งเล็กนิดเดียวและอยู่ติดกับอก มีปีกบางใสสองคู่ พวกเราเด็ก ๆ รู้จักมันในนาม แมลงปอ
วิธีเล่นเป็นนักล่าของผมและเพื่อน ๆ ก็คือ พวกเราจะไปหา ยางวง ที่แม่ค้าใช้รัดแกงถุงมาใช้เป็นอาวุธ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ฝูงแมลงปอหน้าตาประหลาดที่ถูกพวกเราอุปโลกน์ให้เป็นยานอวกาศจากต่างดาว จากนั้นจะใช้สองมือยืดยางวงออกตามแต่ความถนัด เล็งและดีดยางใส่เป้าหมายโดยใช้ศัพท์ที่รู้กันในหมู่นักล่าคือ 'ยิงข้าศึก'...ยางวงที่ถูกดีดหรือยิงออกไปจะพุ่งตรงเข้าใส่แมลงปอตัวที่โชคร้ายที่สุด(ขึ้นอยู่กับความแม่นของแต่ละบุคคล)...ไม่หัวหลุด ก็ปีกขาดกระจุย...ใครมือหนักหน่อยก็อาจทำให้ข้าศึกตัวขาดสองท่อน ในการเป็นนักล่าแต่ละครั้ง ใครสามารถล่ายานอวกาศจากต่างดาว(แมลงปอ)ได้มากที่สุด จะเป็นผู้ชนะ.....
น่าแปลกที่ผมชอบเกมนี้มาก แต่ไม่เคยล่าแมลงปอได้เลยสักตัวเดียว เพื่อน ๆ ในกลุ่มมักจะเยาะเย้ยและถากถางความสามารถในการยิงยางวงของผมอยู่เสมอ...มันช่างเจ็บจี๊ดอยู่ในจิตใจเบื้องลึกเสียนี่กระไร
การจะเป็นนักล่าที่ดีได้มันต้องฝึกซ้อม.....
ผมคิดดังนั้นในช่วงพักเที่ยงของวันหนึ่ง ผมจึงลงไปที่สนามฟุตบอลที่ยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำเหมือนเช่นเคยด้วยยังไม่หมดฝนและดูท่าจะตกหนักขึ้นทุกวัน ผมไม่ได้ชวนเพื่อนนักล่าคนอื่น ๆ ไปด้วย เพราะตั้งใจที่จะฝึกฝีมือเพียงลำพัง
วันนี้ไม่มีเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ มาใช้สนามเลย อาจเป็นเพราะสนามที่ดูเฉอะแฉะกว่าทุกวันเพราะฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาเมื่อคืนและกำลังตั้งเค้าขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง...แม้จะดูเป็นจุดเด่นเกินไป แต่ก็เป็นการดีสำหรับการใช้สมาธิ
ยางวงจำนวนหนึ่งถูกซุกเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง เส้นหนึ่งถูก ขึ้นมือ เอาไว้เตรียมพร้อม ผมค่อย ๆ เดินย่องไปตามพื้นสนามที่คิดว่าแฉะน้อยที่สุด...ฝูงแมลงปอยังคงมาล้อน้ำเหมือนไม่รู้ว่าอันตรายจากนักล่าผู้ยิ่งใหญ่กำลังคืบคลานเข้าไปใกล้...และวันนี้พวกมันดูมากเป็นพิเศษ
เป้าหมายแรกของผมเกาะอยู่บนยอดหญ้าอย่างสงบนิ่ง ผมย่องเข้าไปยืดยางวงออกเล็งไปที่ร่างของมัน ก่อนจะปล่อยอาวุธร้ายให้ทะยานออกไป ยางวงเส้นแรกเฉียดปีกของมันไปอย่างน่าเสียดาย แมลงปอตัวนั้นดีดตัวเองจากยอดหญ้าที่มันเกาะบินขึ้นไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของมันในอากาศ...ไม่เป็นไร...ลองใหม่
ผมดึงยางวงเส้นที่สองออกมาจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมืออีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายเป็นแมลงปอหน้าตาเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งที่เกาะอยู่บนผิวน้ำ...ผมเล็งยางวงไปที่กลางลำตัวของมัน ยังไม่ทันที่จะปล่อยอาวุธในมือ แมลงปอตัวนั้นเหมือนจะอ่านความคิดผมออก มันบินขึ้นจากผิวน้ำที่เกาะ บินตรงเข้ามาจับอยู่บนปลายจมูกของผมแทน สายตาของผมสบเข้ากับสายตาที่กลมโตของมัน ผมตกใจจนหงายหลังลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า พื้นหญ้าที่ชื้นแฉะทำให้ความเย็นแผ่ซ่านเข้ามาภายในกางเกงที่สวมอยู่
"นี่พ่อหนูน้อย พวกเราไปทำอะไรให้เธอไม่ทราบ เธอกับพวกเพื่อน ๆ ถึงได้มาเข่นฆ่าพวกเราเกือบทุกวัน" แมลงปอตัวนั้นถามผมด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความโกรธแบบสุด ๆ
"พะ...พะ...พวกเราแค่เล่นสนุก ๆ เท่านั้นเอง" ผมตะกุกตะกักตอบ
"เล่นสนุกเหรอ เธอเห็นชีวิตเล็ก ๆ ของพวกเราเป็นที่รองรับอารมณ์สนุกแค่นั้นหรอกรึ ?" คราวนี้เป็นเสียงตวาดของแมลงปออีกตัวที่บินอยู่เหนือศีรษะของผม
"ชีวิตใคร ๆ ก็รัก แม้พวกเราจะเป็นเพียงแมลงตัวจ้อย แต่พวกเราก็รักชีวิตเหมือนกัน พวกเราไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใครมีแต่จะสร้างความสวยงามให้กับโลก แต่พวกเธอพวกเด็กเหลือขอ กำลังทำลายชีวิตพวกเราอย่างไม่มีเหตุผล เธอรู้ไหมว่าการกระทำแบบนี้มันเป็นการทำลายสมดุลธรรมชาติ" แมลงปอหน้าตาเจ้าเล่ห์ที่เกาะอยู่บนปลายจมูกของผมพูด
"ในเมื่อเขาเห็นชีวิตของพวกเราไม่มีค่า เราก็จะไม่เห็นค่าจากความเป็นเด็กของเขาเหมือนกัน พวกเรามาแก้แค้นให้กับเพื่อน ๆ ที่ต้องตายไปก่อนหน้านี้เถอะ" ผมไม่รู้ว่าแมลงปอตัวไหนพูด เพราะยามนี้รอบตัวผมเต็มไปด้วยฝูงแมลงปอจำนวนมาก
"เพื่อปกป้องชีวิตและพวกพ้อง พวกเราโจมตี" แมลงปอตัวที่เกาะปลายจมูกของผมตะโกน ก่อนจะดีดตัวเองขึ้นไปรวมกับเพื่อนที่บินว่อนไปมาอย่างบ้าคลั่ง
แมลงปอฝูงใหญ่บินฉวัดเฉวียนไปมาอยู่ในอากาศมองดูคล้ายกลุ่มควันหนาทึบ ก่อนจะพุ่งดิ่งเข้าโจมตีใส่ตามร่างกายของผม...ใครเลยจะคาดคิดว่าแมลงปอตัวน้อยที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย ในยามที่มันรวมตัวกันเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองและพวกพ้องจะน่ากลัวไม่แพ้ฝูงผึ้ง !!.....
ผมไม่รู้ว่าแมลงปอใช้อะไรเป็นอาวุธ แต่เวลาที่มันเข้าโจมตีตามร่างกายของผม มันทำให้รู้สึกแสบไปทั่วตัว ผมลุกขึ้นตั้งหลักพยายามใช้มือป่ายปัดให้พ้นจากการโจมตีนั้น พลางล้วงเอายางวงที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมายิงเพื่อตอบโต้ แต่มันไร้ผล เพราะขนาดเวลาปกติผมยังไม่เคยยิงถูกมันสักตัว แล้วหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ผมจะทำอะไรได้...
ในที่สุดยางวงซึ่งเป็นอาวุธเพียงอย่างเดียวของผมก็หมดผมตัดสินใจวิ่งหนีฝ่าฝูงแมลงปอออกไปปากก็ร้องตะโกนให้คนช่วย ภาพที่คนอื่น ๆ เห็นในขณะนั้น เป็นภาพของเด็กชายคำนับกำลังล้มลุกคลุกคลานอยู่กลางสนามหญ้าของสนามฟุตบอลที่เฉอะแฉะและเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เนื้อตัวของผมมอมแมมจนจำเค้าของความเป็นนักเรียนไม่ได้.....
เสียงของผมเรียกให้บรรดาเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ คุณครู และรวมถึงอาจารย์ใหญ่พากันวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเห็นสภาพของผมหลายคนถึงกับพากันหัวเราะ...ยกเว้นอาจารย์ใหญ่...เพราะตอนนี้ท่านเหมือนกับว่ามีควันออกมาจากหู ใบหน้าที่เคยยิ้มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที !!
วันนั้นผมถูกอาจารย์ใหญ่เรียกเข้าไปตีในห้องพัก และถูกให้ตามผู้ปกครองมาพบในวันรุ่งขึ้นด้วยข้อหาเล่นซุกซนจนเกินเหตุ
หลังจากวันนั้น อาจารย์ใหญ่สั่งห้ามเด็กนักเรียนทุกคนลงไปเล่นในสนามฟุตบอลโดยเด็ดขาดจนกว่าพื้นสนามจะแห้งสนิท โดยหยิบยกเอาเรื่องของผมขึ้นมาเป็นตัวอย่าง สำหรับผมตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่เคยคิดที่จะเป็นนักล่าแมลงปออีกเลย...ถึงผมจะยังไม่เคยล่ามันได้แม้สักตัวเดียว
ชีวิตใคร ใครก็รัก...ผมก็รักชีวิตตัวเองเหมือนกัน...ผมไม่อยากตายด้วยฝีมือของฝูง นักล่าแมลงปอ !!
เกี่ยวกับเรื่อง :
ตอนเด็ก ๆ เรื่องที่ผมกับเพื่อน ๆ ใช้ยางวงออกล่าแมลงปอในสนามของโรงเรียน เป็นเรื่องจริง
เรื่องที่ผมไม่เคยยิงแมลงปอได้สักตัว ก็เป็นเรื่องจริง
เรื่องที่ผมถูกฝูงแมลงปอโจมตีจนล้มลุกคลุกคลานเนื้อตัวมอมแมมนั้น เป็นเรื่องโกหก...เพราะที่จริงผมเซ่อซ่าซุกซนจนหกล้มเองต่างหาก
ผมจึงโดนอาจารย์ใหญ่ทำโทษ จริง ๆ !!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น