วันอาทิตย์ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

๗.ถุงโชคดี

บางทีเราก็แยกไม่ออกหรอก ระหว่างความบังเอิญกับความโชคดี !!


ใครรู้จัก ถุงโชคดี บ้าง ?

ใช่ครับ...ใช่...ผมหมายถึงถุงกระดาษสีน้ำตาล พิมพ์ลายข้างถุงเป็นรูปตารางหมากรุกสีเขียวหรือสีแดง บางทีก็พิมพ์เป็นรูปหญิงสาวพร้อมกับตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ว่า โชคดี...

ตอนเด็ก ๆ แม่เคยใช้ให้ผมวิ่งไปซื้อถุงโชคดีที่ร้าน โกเต่า หน้าปากซอยเป็นประจำ ราคาตอนนั้นอยู่ที่ใบละห้าสิบสตางค์ ต่อมาปรับราคาเป็นหนึ่งบาท และหนึ่งบาทห้าสิบสตางค์ ตามลำดับ(ราคาถูกปรับเปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจและอารมณ์ของร้านค้า) ล่าสุดผมซื้อถุงโชคดีในราคาใบละสองบาท และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอหน้ามัน...เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าถุงโชคดียังมีขายอยู่อีกหรือเปล่า...หากใครเจอ...ช่วยบอกมันทีว่า...ผมคิดถึงมันเหลือเกิน !!



ผู้ใหญ่อาจใช้ประโยชน์จากถุงโชคดีสำหรับใส่ข้าวของกระจุกกระจิกที่ไม่หนักเกินไป(ก็กระดาษจะไปรับน้ำหนักอะไรได้นักหนา) แต่เด็ก ๆ อย่างพวกผมสามารถใช้ประโยชน์จากถุงโชคดีได้อีกหลายอย่าง เราอาจนำถุงโชคดีที่พวกผู้ใหญ่ไม่ใช้แล้วมาทำเป็นกระดาษสำหรับห่อปกหนังสือ ใช้ลายพิมพ์ข้างถุงเป็นกระดานหมากฮอตมีฝาเบียร์เป็นเบี้ยเดิน นำมาสวมหัวโดยเจาะรูเล็ก ๆ สองรูในระดับสายตาพอให้มองเห็น ถุงโชคดีก็จะกลายเป็นหน้ากาก 'เพชฌฆาตกิโยติน' ที่น่าเกรงขาม บางทีก็นำถุงโชคดีมาตัดและพับเป็นหมวก เป็นเรือ หรือเครื่องบินกระดาษ

แต่ที่สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็นการนำเอาถุงโชคดีมาตัดเป็น เสื้อกั๊ก แบบคาวบอยตะวันตก.....มันช่างดูเท่ห์เสียนี่กระไร

เด็ก ๆ จะสวมเสื้อกั๊กซึ่งทำจากถุงโชคดี พกปืนพลาสติกคนละกระบอกสองกระบอก สมมติให้ตัวเองเป็นพวกคาวบอยอเมริกันแล้วไล่ยิงกันเสียงดังสนั่น(ซึ่งเสียงที่ว่าก็มาจากการใช้ปากสร้างเอฟเฟ็คนั่นเอง) โลกของเด็กมักจะสนุกสนานเสมอ...ว่าไหม ?


ผมแหงนหน้าขึ้นมองไปยังพวงเชือกซึ่งแขวนอยู่หน้าร้านโกเต่า ที่พวงเชือกนี้จะมีสินค้าจำพวกถั่วลิสงแกล้มเหล้าและขนมขบเคี้ยวบางชนิดแขวนห้อยอยู่กับพวงเชือกอีกทีหนึ่ง ซึ่งรวมถึงถุงโชคดีด้วย...ทว่าตอนนี้มันเหลือแค่ถุงโชคดีใบยับ ๆ เพียงใบเดียวท่ามกลางถุงถั่วลิสงแกล้มเหล้าอีกนับสิบถุง

"ลื้อจะเอาอะไรล่ะ อานับ อั๊วเห็นลื้อมองอยู่นานแล้ว...จะกินถั่วเหรอ" โกเต่าเข้ามาถาม แกคงเห็นผมยืนมองอยู่นานแล้วจริง ๆ

"ผมอยากได้ถุงโชคดีครับ แต่ว่ามันเหลือใบเดียวนี่โก แถมยับด้วย" ผมว่า

"เรื่องมากน่า จะเหลือกี่ใบมันก็ถุงเหมืองกัน จะเอามั้ยล่ะ...นี่ใบสุดท้ายแล้วนะ อั๊วจะไม่เอามาขายแล้วจะบอกให้ เห็นเขาว่าจะเลิกทำแล้วด้วยอ้ายถุงกระดาษแบบนี้ มันเปลืองทรัพยากรป่าไม้"

"เอาก็ได้ครับ" ผมบอกกับโกเต่า พลางนึกในใจว่าเกิดเป็นเด็กนี่ช่างไม่มีทางเลือกที่ดี ๆ ซะบ้างเลย

"งั้นก็เอาตังค์มา...ใบละสองบาท"

"โห !! ไม่ใช่ใบละหกสลึงเหรอครับ"

"ก็ข้าวของมันแพงขึ้นทุกวันนี่นา...เด็กอย่างลื้อจะไปรู้เรื่องอะไร...จะซื้อหรือไม่ซื้อล่ะ ?"


ผมเดินกลับบ้านพร้อมถุงโชคดีใบละสองบาท ทั้ง ๆ ที่สภาพของมันดูไม่ค่อยสมกับราคาสักเท่าไหร่...ผมไม่ใคร่ชอบถุงใบนี้นักแต่จำเป็นต้องซื้อมันมา เพราะถ้าไม่มีถุงโชคดี วันนี้ผมก็จะเล่นคาวบอยกับเพื่อน ๆ ไม่ได้...ไม่มีคาวบอยที่ไหนไม่ใส่เสื้อกั๊กที่ทำจากถุงโชคดี...อย่างน้อยก็แถว ๆ บ้านของผมแหละ!!

อารมณ์ของผมตอนนี้ดูช่างตรงข้ามกับเจ้าถุงโชคดีใบยับเสียเหลือเกิน...เจ้าถุงโชคดีใบยับดูท่าจะมีความสุขที่มีคนพามันออกมาจากร้านของโกเต่าเสียที หลังจากที่เพื่อน ๆ ใบอื่น ๆ ของมันถูกขายออกไปจนหมดคงเหลือแต่มันโดดเดี่ยวอยู่ใบเดียว จนกระทั่งมาเจอกับผม...มันจึงคุยจ้อมาตลอดทาง

"นี่พ่อหนูน้อย เธอรู้ไหมว่าเธอโชคดีมากนะที่ได้ฉันมาไว้ในครอบครอง เพราะฉันจะทำให้เธอโชคดีไปอีกนานตราบเท่าที่ฉันยังอยู่กับเธอ...คนอื่น ๆ เห็นฉันยับหน่อยเดียว พวกเขาก็ละทิ้งโอกาสของความโชคดีกันซะแล้ว" ถุงโชคดีคุยโว

"เงียบเถอะน่า ที่ฉันซื้อเธอมาก็เพราะไม่มีทางเลือกต่างหากเล่า" ผมชักเริ่มรู้สึกรำคาญ เพราะตั้งแต่ออกจากร้านโกเต่ามาเจ้าถุงโชคดีใบยับมันพูดไม่ยอมหยุด

แต่ขณะที่ผมจะก้าวเท้าเดินต่อนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประกายสีเงินสะท้อนแสงที่พื้น ผมก้มลงหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นเหรียญห้าบาทเหลี่ยมที่ใครไม่รู้ทำตกไว้

"เห็นมั้ยล่ะ...เห็นมั้ยล่ะ...ยังไม่ทันไรเธอก็เริ่มมีโชคแล้ว...รีบเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงสิพ่อหนูน้อย นี่นับเป็นโชคดีแรกของเธอนะ" ถุงโชคดีว่า

"แต่เจ้าของที่เขาทำตกคงกำลังหาอยู่นะ" ผมลังเล

"ไม่มีเจ้าของที่ไหนหรอกนอกจากเธอ ก็เธอเป็นคนเจอมันนี่นา...หรือจะพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าฉันเป็นคนทำให้เธอเจอเหรียญห้าบาทเหรียญนี้" คำพูดของถุงโชคดีทำให้ผมเริ่มคล้อยตาม...มันอาจจะเป็นเรื่องโชคดีของผมจริง ๆ ก็ได้...

ผมตัดสินใจเก็บเหรียญห้าบาทเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วรีบเดินกลับบ้าน(กลัวเจ้าของ ที่ทำหล่นไว้จะมาเจอ) ระหว่างที่ผมกำลังใกล้จะถึงบ้านนั้น ผมเห็น ต๋อง เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มกำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาอะไรอยู่ที่พื้น ผมจึงเดินเข้าไปทักเขา...ท่าทางต๋องดูเศร้าเอามาก ๆ

"ฉันทำเงินที่แม่ให้มาหล่นหายน่ะ แม่ให้เงินฉันมาห้าบาทเพื่อไปซื้อถุงโชคดี แต่ระหว่างทางที่เดินไปร้านโกเต่าไม่รู้ฉันทำมันหล่นแถวไหน...นอกจากจะไม่ได้ถุงโชคดีแล้ว ฉันต้องโดนแม่ตีแน่ ๆ เลย" น้ำเสียงของต๋องช่างน่าสงสารนัก

คำบอกเล่าของต๋องทำให้ผมพอจะนึกภาพอะไรออกราง ๆ ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเอาเหรียญห้าบาทที่เก็บได้ส่งให้เขา

"เอานี่...ฉันเจอมันตกอยู่ตรงทางเดินด้านนู้น คิดว่าน่าจะเป็นของนายนะ...แต่ถ้านายจะซื้อถุงโชดคดีล่ะก็ ที่ร้านโกเต่าไม่มีขายแล้วเพราะใบที่ฉันซื้อมานี่เป็นใบสุดท้ายพอดี"

ต๋องรับเหรียญห้าไปจากมือของผมสีหน้าเขาดูแช่มชื่นขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเมื่อรู้ว่าร้านโกเต่าไม่มีถุงโชคดีแล้ว...เขาบอกกับผมว่าเขาอยากจะใส่เสื้อกั๊กที่ทำจากถุงโชคดีสักครั้ง เพราะเขาไม่เคยได้ใส่มันเลย ระยะหลัง ๆ เขาจึงไม่ได้ออกมาเล่นกับเพื่อน ๆ เพราะไม่มีเสื้อกั๊กเหมือนคนอื่นนั่นเอง.....เรื่องนี้ผมเองก็รู้ดี

"งั้นนายเอาถุงโชคดีใบนี้ไปก็แล้วกัน...ฉันให้...ฉันเล่นเป็นคาวบอยเบื่อแล้ว...ถึงมันจะยับไปสักหน่อย แต่เมื่อเอามาตัดเป็นเสื้อกั๊กแล้วฉันว่ามันคงดูดีทีเดียวล่ะ...ที่สำคัญถ้านายได้มันไป นายต้องโชคดีแน่ ๆ...โชคดีเหมือนที่นายได้เงินที่หายไปคืนนี่ไง"

ต๋องรับถุงโชคดีไปจากผม คราวนี้สีหน้าเขาดูมีความสุขจนเห็นได้ชัด ต๋องขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับบ้านไปตัดเสื้อกั๊กคาวบอยที่ทำจากถุงโชคดี...ส่วนเจ้าถุงโชคดีใบยับนั้นเล่า เปลี่ยนมือเจ้าของยังไม่ทันไร มันก็เริ่มคุยสรรพคุณของมันทันที...เวลานั้นผมไม่รู้ว่าถุงโชคดีคุยอะไรกับต๋องบ้าง...แต่สำหรับผม...ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กดียังไงก็ไม่รู้ไม่รู้


มันเป็นความบังเอิญหรือความโชคดีกันแน่ ที่ผมไม่ได้เล่นคาวบอยกับเพื่อน ๆ ในเย็นวันนั้น...เพราะว่าวันนั้นพ่อผมกลับมาจากที่ทำงานเร็ว พ่อจึงพาผมไปเช่ารถจักรยานขี่เล่นที่ท้องสนามหลวง

ไม่บ่อยนักหรอกนะที่ผมจะได้มาขี่รถจักรยานที่ท้องสนามหลวงแบบนี้...ผมช่างโชคดีจริง ๆ


เกี่ยวกับเรื่อง :

เรื่องวิธีการเล่นของผมกับถุงโชคดีเป็นเรื่องจริง

เรื่องที่ผมให้ถุงโชคดีที่ซื้อมาจากร้านโกเต่ากับต๋องก็เป็นเรื่องจริง รวมทั้งเรื่องที่พ่อพาผมไปขี่รถจักรยานที่ท้องสนามหลวงแทนการเล่นคาวบอยกับเพื่อน ๆ ก็เป็นเรื่องจริงอีกเช่นกัน

แต่เรื่องความโชคดีอันเกิดจากถุงกระดาษใบยับ ๆ นั้น...เป็นเรื่องโกหก !!

ไม่มีความคิดเห็น: