วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

๑๘.ไข้หวัด...ผมจะช่วยแม่เอง!!

วันหนึ่ง.....

แม่ของผมกลับมาจากตลาดพร้อมด้วยกับข้าวถุงใหญ่และใบหน้าที่แดงก่ำ...ทำไมแม่ชอบไปตลาดนักนะ ?...แล้วทำไมวันนี้หน้าของแม่ถึงได้แดงแบบนั้นล่ะ ?

บางทีแม่ค้าที่ตลาดอาจจะชมว่า 'แม่สวย' ก็เป็นได้...เพราะทุกครั้งที่พ่อชมว่าแม่สวยและทำกับข้าวเก่ง แม่ก็มักจะมีหน้าตาแบบนี้นี่แหละ

เมื่อก้าวผ่านประตูบ้านเข้ามา แม่ลงนั่งก่อนจะวางถุงกับข้าวเอาไว้ใกล้ ๆ ตัว ท่าทางของแม่ดูเหมือนคนเหนื่อยและอิดโรยซึ่งผมไม่ค่อยเห็นแม่เป็นแบบนี้บ่อยนัก ภาพที่ผมชินตาจะเป็นภาพของแม่ที่เมื่อกลับมาจากตลาดก็จะตรงดิ่งเข้าครัวเพื่อทำกับข้าวทันที...แต่คราวนี้ไม่ใช่ !!


"แม่เป็นอะไรจ๊ะ" ผมถาม ก่อนจะพาร่างเล็ก ๆ ของตัวเองไปนั่งลงข้าง ๆ แม่

"แม่เหมือนจะไม่สบาย คงจะเป็นไข้หวัดน่ะลูก...นับอย่ามาอยู่ใกล้แม่เลยเดี๋ยวติดไข้" แม่ว่า

"นับไม่กลัวหรอก...ทีนับเป็นไข้หวัดแม่ยังมาคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ เลย...นับรักแม่...นับก็ต้องอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแลแม่สิ" ผมบอกพลางเอนตัวลงซบที่แขนของแม่ วูบหนึ่งผมรู้สึกว่าตัวแม่ช่างร้อนเสียนี่กระไร

"ไม่ได้นะลูก มันไม่เหมือนกัน...ถ้านับไม่เชื่อแม่...แม่จะโกรธมากรู้ไหม ?" แม่ดันตัวผมออกมา แล้วลุกขึ้นหิ้วถุงกับข้าวเดินโซเซเหมือนคนหมดแรงเข้าครัวไป

ผมมองตามหลังแม่ด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกน้อยใจที่อยู่ดี ๆ แม่ก็ไม่อยากให้ผมอยู่ใกล้ขึ้นมาเฉย ๆ แถมยังบอกอีกว่าถ้าผมอยู่ใกล้ ๆ แม่ก็จะโกรธมาก...แล้วผมจะทำอย่างไรดี ?

ผมเดินทำหน้างอไปที่ 'ม้าโยกไม้' ขึ้นคร่อมและออกแรงโยกมันเบา ๆ ทั้งที่ในเวลาปกติผมจะควบมันเร็วจี๋ประดุจคาวบอยหนุ่มกำลังทะยานม้าไล่ล่าอินเดียนแดงตัวร้าย

"เป็นอะไรไปอีกล่ะพ่อหนูน้อย" ม้าโยกไม้ถามขึ้น มันคงสงสัยอยู่นานแล้ว

"ก็แม่ของฉันน่ะสิไม่สบายเป็นไข้หวัด"

"แล้วไข้หวัดมันคืออะไรล่ะ ?" ม้าโยกไม้ทำหน้างง ๆ

"มันก็คือเชื้อโรคร้ายที่แอบซ่อนตัวอยู่ในที่ ๆ เรามองไม่เห็นน่ะสิ มันจะคอยจ้องรอจังหวะเวลาที่เราเผลอแล้วตรงเข้ายึดร่างกายของเราทำเป็นสนามวิ่งเล่น ถ้าพวกมันมาวิ่งเล่นกันมาก ๆ เราก็จะปวดหัว บางทีก็ตัวร้อนเหมือนไปยืนอยู่ที่หน้าเตาถ่านนาน ๆ น้ำมูกก็จะไหลย้อย หมดเรี่ยวหมดแรง แล้วเราอาจจะตายก็ได้นะ"

"ถึงตายเลยเหรอ...แล้วมีวิธีแก้ไขไหม ?" ม้าโยกไม้มีท่าทางตื่นเต้น

"มีซิ...เราต้องกินยาหรือไม่ก็ไปให้หมอเอาเข็มแหลม ๆ ทิ่มแถว ๆ ก้นซึ่งเจ็บน่าดู แต่มันคงดีกว่าต้องมาตายเพราะร่างกายโดนพวกเชื้อโรคร้ายยึดครอง" ผมภูมิใจมากที่เด็กอย่างผมรู้อะไรเกี่ยวกับไข้หวัดอยู่ไม่น้อย

"นอกจากกินยากับโดนเข็มจิ้มแล้ว ไม่มีวิธีอื่นอีกเหรอ ?" ม้าโยกไม้ยังคงสงสัย

"อืม !! (ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง) อาจจะมีนะ...เราต้องเอาเชื้อไข้หวัดไปแพร่ใส่คนอื่นแทนหรือไม่ก็ให้เขามาดูดเอามันออกจากตัวเราไป เหมือนกับที่แม่ทำให้กับฉันตอนที่ฉันไม่สบายน่ะ แม่เอาหน้าผากแม่มาแตะกับหน้าผากของฉันแล้วบอกว่าแม่จะดูดเอาไข้หวัดของฉันไปไว้ในตัวแม่แทน...เธอเชื่อไหม แค่สองวันฉันก็ลุกขึ้นวิ่งเล่นได้แล้ว"

"งั้นทำไมเธอไม่ลองใช้วิธีนี้กับแม่ของเธอบ้างล่ะ ?" ม้าโยกไม้แนะนำ

"จริงสิ!! ทำไมฉันนึกไม่ถึงมาก่อนนะ...แต่ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ก็แม่ห้ามฉันเข้าใกล้นี่นา"

"มันต้องมีจังหวะสิพ่อหนูน้อย" ม้าโยกไม้บอก พลางโขยกตัวเองสอง-สามครั้ง

หลังจากที่แม่ทำกับข้าวเสร็จ แม่บอกผมว่าจะขอนอนพักสักหน่อยให้ผมเล่นอยู่ภายในบริเวณบ้านอย่าออกไปไหนไกล...แม่ไม่รู้หรอกว่าผมไม่คิดจะไปเล่นที่ไหนอยู่แล้ว เพราะผมมีอย่างอื่นที่กำลังรอให้ทำมากกว่าการเล่นซุกซน !!

ผมทำเป็นแกล้งเล่นอะไรอยู่แถว ๆ นั้น สายตาคอยลอบมองว่าแม่หลับสนิทดีหรือยัง เมื่อแน่ใจว่าแม่หลับสนิทแล้วผมจึงค่อย ๆ คลานเข้าไปใกล้ ๆ แม่ พยายามทำตัวให้เบาที่สุดแม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง เมื่อมาถึงผมก้มลงเอาหน้าผากของตัวเองแตะเบา ๆ กับหน้าผากของแม่...ผมกำลังจะดูดเอาไข้หวัดของแม่มาไว้ในตัวผม...มา มะ เจ้าไข้หวัดวายร้าย...ออกมาจากร่างกายของแม่ฉันเสียดี ๆ(ผมคิด)

ระหว่างที่ผมกำลังดูดไข้หวัดออกจากตัวแม่อยู่นั้น จู่ ๆ แม่ก็ลืมตาขึ้นมา...ท่าทางแม่ดูตกใจไม่น้อย...แต่ผมตกใจมากกว่า !!

"ลูกกำลังทำอะไรเนี่ย...แม่บอกนับแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามาอยู่ใกล้แม่ตอนนี้ ทำไมไม่เชื่อแม่บ้างเลยเรานี่" แม่ดุ

"ก็นับอยากจะช่วยให้แม่หายจากไข้หวัดเร็ว ๆ นี่จ๊ะ ทีตอนนับไม่สบายเป็นไข้หวัดแม่ยังดูดเอาไข้หวัดออกให้นับเลย" น้ำเสียงผมสั่นเครือเล็กน้อย

"มันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะลูก...ตอนที่นับเป็นไข้หวัดแล้วหายน่ะ เป็นเพราะยาของคุณหมอที่ให้มากินต่างหาก ไม่ใช่เพราะแม่ดูดเอาไข้หวัดออกมา...แต่ถึงแม่จะดูดเอาไข้หวัดออกมาจากนับได้จริง ๆ ก็ใช่ว่านับจะทำแบบแม่ได้ เพราะภูมิคุ้มกันร่างกายของเด็กกับผู้ใหญ่มันต่างกัน...นับเป็นไข้หวัดแม่อยู่ใกล้นับได้เพราะภูมิคุ้มกันของแม่แข็งแรงกว่า แต่ตอนนี้แม่เป็นไข้หวัดถ้านับมาอยู่ใกล้แม่ นับอาจจะติดหวัดไปด้วยอีกคน เพราะนับยังเด็กเกินกว่าที่จะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง" แม่พยายามอธิบาย ยิ้มและลูบเส้นผมของผมเบา ๆ

"เอาเป็นว่าช่วงนี้นับอย่าเพิ่งเข้าใกล้แม่มากนัก รอให้แม่หายจากไข้หวัดก่อน แม่ไม่อยากให้ลูกต้องมาเป็นหวัดเพราะแม่ด้วยอีกคน"

สองวันต่อมาแม่ของผมก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม นั่นอาจเป็นเพราะยาของคุณหมอที่แม่ไปหา หรืออาจเป็นเพราะแม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีจริง ๆ

แต่ก็ไม่แน่นะ ที่แม่หายจากไข้หวัดอาจจะเป็นเพราะเชื้อไข้หวัดวายร้ายที่อยู่ในร่างกายของแม่ถูกผมดูดมาจนหมดก็เป็นได้...

เพราะหลังจากนั้นผมก็เป็นไข้หวัดต่อจากแม่...ฮัดชิ่ว !!

เกี่ยวกับเรื่อง :

'ไข้หวัด' เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ในอากาศซึ่งเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า...ไข้หวัดไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่สามารถป้องกันได้ถ้าเราทำตัวให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นไข้หวัดอยู่ก่อนแล้ว...ที่สำคัญ หากเราเป็นไข้หวัดต้องไม่ไปแพร่เชื้อใส่ผู้อื่น(ยกความรู้จากสมัยเรียนประถมมาเลยนะเนี่ย !!)

'โลกใบเด็ก' ตอนนี้ เกิดจากความคิดเมื่อสมัยเด็ก ๆ ของผมที่ว่า เราน่าจะสามารถดูดเอาไข้หวัดของคนอื่นมาไว้ในตัวของเราได้ ซึ่งจะทำให้คน ๆ นั้นหายจากการเป็นไข้หวัด...แล้วทำไมเราต้องดูดเอาไข้หวัดของคนอื่นมาไว้แล้วยอมเป็นไข้หวัดแทนเขาล่ะ ?

ก็เพราะว่า พอเราเป็นไข้หวัดแล้ว...เราจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียนไง !!

ไม่มีความคิดเห็น: