วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

๑๓.ไข่ตุ๋นของย่า


"คำนับเอ้ย! มากินข้าวก่อนลูก เดี๋ยวค่อยไปเล่นใหม่"

เสียงเรียกของ ย่า หยุดผมจากการเล่นกับตุ๊กตาทหารที่ขาซ้ายด้วนเพราะซุ่มซ่ามไปเหยียบเอากับระเบิดของข้าศึกเข้า(จริง ๆ แล้วผมทำขาของมันหักไปเมื่อไม่นานมานี้)

ผมและทหารขาด้วนค่อย ๆ ย่องมาชะเง้อมองสำรับกับข้าวที่ย่ากำลังบรรจงวางมันลงอย่างช้า ๆ ภายในสำรับมีข้าวสวยกรุ่นร้อนหนึ่งจานและ ไข่ตุ๋น หน้าตาสะอาดขาวผ่องอีกหนึ่งถ้วย...ทันทีที่รู้ว่าอะไรอยู่ในสำรับนั้น ผมก็เริ่มฟูมฟายเขวี้ยงตุ๊กตาทหารกล้าลงไปคุดคู้อยู่ในถ้วยไข่ตุ๋น

"ไม่กิน...ผมไม่อยากกินข้าว...ผมเบื่อไข่ตุ๋น...ย่าได้ยินมั้ย...ผมเบื่อไข่ตุ๋น...ผมเบื่อย่า"




ปกติแล้วในวันหยุดช่วงปิดเทอมถือเป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ มีความสุขช่วงหนึ่งก็ว่าได้...แต่สำหรับผม...มีฤดูของการปิดเทอมอยู่ปีหนึ่งที่ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน

ปิดเทอมปีนั้นแม่ไม่อยู่บ้านเพราะต้องกลับไปทำธุระสำคัญอะไรสักเรื่องหนึ่งที่บ้านนอก ทิ้งให้ผมอยู่บ้านกับพ่อที่แสนจะน่ารักเพียงสองคน

ทว่าชีวิตข้าราชการของพ่อ ย่อมไม่มีเวลาสำหรับเด็กชายตัวเล็ก ๆ อย่างผมในวันธรรมดาอยู่แล้ว...เว้นเอาไว้ก็แต่เสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผมต้องเหงาและอ้างว้างเพียงลำพังคนเดียวที่บ้าน ย่า จึงถูกตามตัวมาเพื่อดูแลผมในการนี้โดยเฉพาะ...พ่อไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วผมมีเพื่อน ๆ อยู่รอบตัวอีกมากมาย...ผมไม่เคยเหงาเลยแม้สักครั้งเดียว

ผู้หญิงที่พ่อเรียกว่า แม่ และผมต้องเรียกเธอว่า ย่า นั้น เป็นหญิงชรารูปร่างเล็ก...เล็กจนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีลูกได้เกือบครึ่งโหล(หนึ่งในนั้นก็คือพ่อของผมนี่แหละ)...ย่ามีเส้นผมที่ขาวโพลนไปทั้งศีรษะและมีเนื้อตัวที่เหี่ยวย่น...เหี่ยวย่นจนน่ากลัวว่าหากถูกสัมผัสแรง ๆ แล้วเนื้อหนังของย่าจะหลุดยุ่ยออกมาเหมือนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำ...มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ชอบให้ย่าดึงตัวเข้าไปกอด

เมื่อย่ามาอยู่ด้วยที่บ้านเพื่อช่วยพ่อดูแลผม แทนที่จะทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ตรงข้ามย่ากลับทำให้ผมรู้สึกอึดอัด เพราะนอกจากย่าจะทำอะไรเชื่องช้าแล้ว ย่ามักจะเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตประจำวันของผมไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นห้ามนอนดึก ห้ามนอนตื่นสาย ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ต้องรักษาความสะอาด ห้ามเล่นโลดโผนและไกลหูไกลตา เวลาจะออกไปซื้อขนมย่าต้องไปด้วยห้ามผมไปคนเดียวโดยลำพัง(ลองนึกภาพของคนแก่ที่จูงเด็กตัวเล็ก ๆ ถูลู่ถูกังไปตามฟุตบาทของถนนดูสิครับ) และย่ายังห้ามอะไรอีกหลาย ๆ เรื่องซึ่งผมขี้เกียจจำ


ความอึดอัดอีกประการหนึ่งของผมเกี่ยวกับย่าก็คือ ไข่ตุ๋น


บ่อยครั้งที่ข้าวเช้า ข้าวกลางวัน ข้าวเย็น หรืออาจจะทั้งสามช่วงเวลารวมกันจะมีกับข้าวเมนูหลักเป็นไข่ตุ๋น...ย่าบอกกับผมว่าตอนเด็ก ๆ พ่อของผมชอบกินไข่ตุ๋นมาก ย่าจึงชอบที่จะทำไข่ตุ๋นให้พ่อกินและย่าก็อยากจะให้ผมกินด้วย

"ไข่ตุ๋นรสชาติดี กินง่าย มีประโยชน์" ย่าว่า

ย่าคงไม่รู้หรอกว่าแม้ผมจะเป็นลูกพ่อและชอบกินไข่ แต่ถ้าให้กินบ่อย ๆ ผมก็เบื่อเหมือนกัน...พ่อจะรู้สึกเหมือนกับผมไหมนะ ?


"ถึงเธอจะรู้สึกเบื่อการกินข้าวกับไข่ตุ๋น เธอก็ไม่ควรแสดงกิริยาแบบนั้นออกมานะพ่อหนูน้อย" ตุ๊กตาทหารขาด้วนพูดขึ้นหลังจากที่มันเช็ดเศษไข่ตุ๋นบางส่วนออกจากตามเนื้อตัว

"ใช่ ๆ ฉันเห็นด้วย มันเป็นการกระทำที่ผิดมากเธอรู้ไหม?" เป็นเสียงของรถเหล็กคันหนึ่ง มันนั่งอยู่กับบรรดาเพื่อน ๆ ของเล่นอีกหลายชิ้นที่ตอนนี้กำลังรายล้อมผมอยู่

"แต่ฉันเบื่อจริง ๆ นี่นา" ผมบอก

"ถึงเธอจะเบื่อ ก็น่าจะมีวิธีบอกกับย่าของเธอที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่โยนฉันลงไปในถ้วยไข่ตุ๋นนั่น" ตุ๊กตาทหารว่า

"นั่นสินะ ทำไมเธอไม่บอกกับย่าดี ๆ ล่ะว่าอยากกินอย่างอื่นบ้าง" ม้าโยกไม้พูดขึ้นมาบ้าง

"ฉันกลัวย่าไม่ทำให้กินน่ะสิ แล้วอีกอย่างนะฉันว่าย่าทำเป็นแต่ไข่ตุ๋นแน่ ๆ " ผมหันไปพูดกับม้าโยก

"ตลกน่า ฉันว่าย่าของเธอใจดีและท่าทางคงจะทำกับข้าวได้ตั้งหลายอย่าง ถ้าเธอบอกกับย่าดี ๆ เหมือนอย่างที่ม้าโยกพูด บางทีย่าอาจจะทำให้เธอกินก็ได้นะ...แต่ถึงย่าเธอจะทำไข่ตุ๋นเป็นเพียงอย่างเดียว ฉันว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรไม่ใช่รึ ? มันคงดีกว่าเธอต้องมานั่งกินข้าวเปล่าหรือไม่ได้กินอะไรเลย...ว่าไหม ?" ตุ๊กตาลิงตีกลองพูด มันหยุดตีกลองเป็นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ

"ฉันว่าเธอไปขอโทษย่าดีกว่านะพ่อหนูน้อย"

"พวกเราเห็นด้วย" ของเล่นทุกชิ้นพูดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน

"จะดีหรือ" ผมยังอิดออด

"ดีสิ!!"


ผมตัดสินใจเดินไปขอโทษย่าโดยมีเพื่อน ๆ ของเล่นรอลุ้นอยู่เบื้องหลัง ย่ามองผมอย่างเอ็นดูก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด...ผมขืนตัวเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ย่ากอดโดยดี

"คำนับไม่อยากกินไข่ตุ๋นทำไมไม่บอกย่าล่ะ ย่าจะทำอย่างอื่นให้กินก็ได้ แต่ต้องรอหน่อยนะเพราะในตู้กับข้าวมีแต่ไข่ ถ้าจะกินอย่างอื่นเดี๋ยวย่าเดินไปซื้อที่ตลาดก่อน"

"อย่าเลยจ้ะ นับกินไข่ตุ๋นก็ได้ แต่ย่าคงต้องทำใหม่เพราะถ้วยนั้นมันคงเละซะแล้ว"

ผมบอกกับย่า ถึงผมจะไม่ค่อยชอบย่านักแต่ผมก็ไม่อยากให้ย่าต้องเหนื่อยเดินไปตลาด ย่าเป็นคนแก่ที่เชื่องช้า อาจจะโดนรถเฉี่ยวชนก็ได้...ผมคิด

"งั้นก็ได้ คำนับรอย่าก่อนแล้วกัน ไข่ตุ๋นจะอร่อยมันต้องใช้เวลานึ่งเวลาตุ๋นให้พอเหมาะ...คำนับคงยังไม่หิวนะ" ย่าว่า พลางกอดผมแน่นขึ้น

วันนั้นผมก็ยังต้องกินไข่ตุ๋นกับข้าวเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา...แต่มีสองสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ หนึ่งผมรู้สึกว่าการกินไข่ตุ๋นมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักเหมือนกับที่ลิงตีกลองบอก... และอีกหนึ่งก็คือ กอดเหี่ยว ๆ ของย่ามันก็อบอุ่นดีเหมือนกัน


หลายปีต่อมาพ่อได้รับโทรเลขจากบ้านนอก พอพ่ออ่านเสร็จสีหน้าของพ่อดูเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด ผมกับแม่เข้าไปถามว่าในเนื้อความของโทรเลขมีว่าอย่างไร พ่อหันมาบอกกับเราสองแม่ลูกด้วยดวงตาแดงกล่ำว่า

"ต่อไปนี้จะไม่มีย่ามาทำไข่ตุ๋นให้กินอีกแล้ว"


เกี่ยวกับเรื่อง :

เรื่องที่ย่ามาดูแลผมช่วงปิดเทอมและชอบทำแต่ไข่ตุ๋นนั้นเป็นเรื่องจริง...แต่ที่ผมแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อย่าและไข่ตุ๋นของย่านั้นเป็นเรื่องโกหก...เพราะถึงแม้ผมจะเบื่อไข่ตุ๋น แต่ผมก็รู้ดีว่า ย่าตั้งใจทำมันให้ผมกินด้วยความรัก ผมจึงจะไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด

เรื่องของอ้อมกอดเหี่ยว ๆ ของย่า ทว่าอบอุ่นนั้น...เป็นเรื่องจริง

ไม่มีความคิดเห็น: