นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ย้อนกลับไปเมื่อครั้งวัยเด็กของผม...
ผมมีของเล่นอยู่ชิ้นหนึ่ง มันเป็น รถสังกะสีไขลาน คันเล็ก ๆ ที่พ่อซื้อให้ พ่อบอกกับแม่ที่นั่งทำตาเขียวขุ่นว่าเห็นราคามันไม่แพง ก็เลยซื้อมาให้ผมเล่น...
ผมไม่รู้ว่ารถสังกะสีไขลานคันนั้น แท้จริงแล้วราคาเท่าไหร่...แต่ที่รู้ก็คือ มันช่างเป็นของเล่นที่ดูมีค่าและน่ารักสำหรับผมเสียนี่กระไร...จะว่าไปแล้วมันน่ารักพอ ๆ กับพ่อของผมทีเดียว!!
นอกจากการไขลานแล้วปล่อยให้มันวิ่งไปเรื่อย ๆ จนลานหมดแล้ว ผมยังมีวิธีเล่นสนุกกับเจ้ารถสังกะสีคันนี้อีกหลายวิธี...วิธีที่สนุกกว่าการไขลานเป็นไหน ๆ...ขึ้นอยู่กับว่าจะคิดวิธีเล่นแบบไหนได้(พวกผู้ใหญ่มักจะเรียกวิธีคิดของเด็ก ๆ ให้ดูสวยหรูว่า จินตนาการ)
ผมอาจจะชูรถสังกะสีเอาไว้ในมือ แล้ววิ่งไปรอบ ๆ บ้านโดยคิดว่ามันเป็น จรวด ที่เร็วที่สุดในโลก...หรืออย่างน้อยก็เร็วที่สุดในบ้าน
ผมอาจจะหงายท้องมันขึ้น แล้วสมมติให้มันเป็น เรือข้ามฟาก แถวท่าพระจันทร์...ถ้าเรือข้ามฟากมีรูปทรงแบบนี้ คงเท่ห์ดีไม่หยอก
บางทีผมก็เอาเจ้ารถสังกะสีคันน้อยไปเล่นบนกองทรายก่อสร้าง แล้วอุปโลกน์ให้มันเป็น รถบรรทุกดิน คันใหญ่...หรือไม่ก็จับมันมุดลงไปในทรายเพื่อให้มันกลายเป็น ยานสำรวจใต้โลก ที่ดำดินได้ลึกที่สุด...มันดำดินได้ลึกกว่า ขอม แน่นอน...เข้าท่าดีไหมล่ะ?
แต่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่มักจะเห่อของเล่นชิ้นใหม่เพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พอเล่นไปได้สักพักก็จะเริ่มเบื่อ...ผมเองก็มิได้ผิดปกติไปจากเด็กส่วนใหญ่คนอื่น ๆ...ผมชักจะเริ่มเบื่อเจ้ารถสังกะสีคันนี้เสียแล้ว.....วันไหนหากเกิดอยากจะเล่น ผมก็อาจจะเอามันมาผูกเชือกแล้ววิ่งไปรอบ ๆ บ้านสักพัก พอเบื่อผมก็จะจอด(น่าจะเรียกทิ้งมากกว่า)มันไว้แถว ๆ ที่เล่นนั่นแหละ ซึ่งหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของแม่ที่จะตามเก็บพร้อมกับเสียงบ่นอีกหลายประโยค
ล่าสุดเมื่อแม่เห็นรถสังกะสีคันจ้อยถูกผมทิ้งเอาไว้ข้าง ๆ บ้าน แม่ถึงกับออกปากดุผมว่า ผมเป็นเด็กที่แย่เอามาก ๆ ไม่รู้จักรักข้าวของที่เป็นสมบัติของตัวเอง เพราะไม่ยอมเก็บมันให้เป็นที่เป็นทาง ถ้าผมยังเป็นแบบนี้ต่อไป ของเล่นหรือแม้แต่ของใช้ต่าง ๆ ก็จะไม่อยู่กับผม...แล้วแม่ก็จะบอกพ่อไม่ให้ซื้อของเล่นชิ้นใหม่ให้กับผมอีก...ที่สำคัญ...ผมจะถูกตี
ผมรู้สึกโกรธรถสังกะสีเอามาก ๆ...ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพียงของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่ดูไม่มีพิษสง...ที่ไหนได้...มันทำให้ผมต้องโดนแม่ดุ และถูกคาดโทษในคราวต่อไปด้วย
เดี๋ยวเถอะ...ถ้าแม่เผลอเมื่อไหร่ ผมต้องจัดการกับอ้ายรถสังกะสีวายร้ายแน่ ๆ...ผมคิด
วันนั้นตอนบ่าย...แม่ออกไปตลาด...ผมเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ จึงหยิบรถสังกะสีออกมาจากตะกร้าเก็บของเล่นที่แม่จัดเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะวางมันลงกับพื้นแล้วตวาดใส่
"นี่แก...อ้ายรถสังกะสีตัวดี...แกทำให้ฉันต้องโดนแม่ดุแถมโดนคาดโทษอีกด้วย...ฉันจะจัดการกับแกเพื่อเป็นการล้างแค้นล่ะ"
ไม่พูดเปล่า...ผมวิ่งเข้าไปในครัวและกลับออกมาพร้อมกับ ไม้ขัดฝาหม้อข้าว ของแม่ หมายใจว่าจะใช้มันพิฆาตรถสังกะสีเสียให้บุบบู้
รถสังกะสีถอยตัวเองจนไปชิดฝาบ้านด้วยความหวาดกลัว มันวิงวอนขอความเมตตาจากผม
"พ่อหนูน้อยจ๋า อย่าทุบตีฉันเลยนะจ๊ะ เธอเคยรักและเล่นสนุกกับฉันมา เธอลืมแล้วหรือ" รถสังกะสีว่า
"ได้โปรดเถิดพ่อหนูน้อย อย่าทำอะไรเจ้ารถสังกะสีเลย" เป็นเสียงของบรรดาของเล่นที่อยู่ในตะกร้าซึ่งช่วยกันขอร้องผมแทนเพื่อนของมัน
"พวกเธออย่ามาขอร้องแทนเสียให้ยากเลย ตอนฉันโดนแม่ดุไม่เห็นมีของเล่นชิ้นไหนออกหน้าช่วยฉันสักชิ้น" ผมส่งเสียงดัง
"เอาเถิด...ในเมื่อถึงอย่างไรฉันก็เป็นสมบัติของเธอ เมื่อเธอโกรธอยากจะทำอะไรกับฉันก็ตามใจ แต่ฉันขอพูดอะไรสักหน่อยเถอะนะ" รถสังกะสีว่า เสียงของมัน ยามนี้ดูสั่นเครือจนผมรู้สึกหวิวในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"ที่แม่ของเธอพูดนั้นช่างถูกทีเดียว...เธอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักรักข้าวของ ๆ ตัวเอง แม้แต่ของเล่นที่เคยเล่นสนุกด้วยกันมาอย่างฉันหรือเพื่อน ๆ ชิ้นอื่น ๆ...คอยดูเถอะสักวันจะไม่มีข้าวของหรือของเล่นชิ้นไหนอยากจะพูดคุยและเล่นกับเธอ พวกเขาจะพากันหนีหายไปหมด แล้วเธอก็จะรู้จักกับคำว่าโดดเดี่ยว จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดี ๆ...แล้วเธอไม่ต้องลงไม้ลงมือทุบตีฉันให้เปลืองแรงหรอกนะจ๊ะพ่อหนูน้อย ในเมื่อเธอไม่อยากเล่นกับฉันเสียแล้ว ฉันก็จะทำลายตัวเอง"
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด(หมายถึงผมและของเล่นชิ้นอื่น ๆ ) พูดจบรถสังกะสีก็ใช้สี่ล้อของมันพาตัวเองวิ่งออกไปนอกบ้าน มันวิ่งไต่ขึ้นไปยังตุ่มน้ำที่ตั้งอยู่ข้างรั้ว ก่อนจะกระโดดตุ๋มลงไปในตุ่มน้ำ จมลงสู่ก้นตุ่มทันที
"แย่แล้วพวกเรา รถสังกะสีกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เขาโดนเด็กคนนี้บีบให้ฆ่าตัวตาย" บรรดาของเล่นในตะกร้าพากันร้องเอะอะโวยวาย
ผมเองก็ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...นี่ผมทำอะไรลงไป...ความรู้สึกผิดกระโดดเข้าเกาะหัวใจเด็กน้อยอย่างผมดังหมับ ความรู้สึกผิดอาจจะกระโดดเข้าเกาะกุมจิตใจผม แต่ยังช้ากว่าบรรดาของเล่นชิ้นอื่น ๆ ที่ต่างพากันกระโดดออกมาจากตะกร้าวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง พร้อมกับเสียงตะโกน
"ไม่อยู่แล้ว พวกเราไม่อยู่กับเด็กใจร้ายอีกแล้ว"พวกของเล่นพากันวิ่งหายไปตามที่ต่าง ๆ ตัวที่ช้าที่สุดซึ่งวิ่งผ่านหน้าผมไป เป็นตุ๊กตาทหารขาขาดข้างหนึ่ง มันหยุดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมว่า
"เธอเป็นเด็กใจร้ายไม่รักข้าวของ ไม่มีใครอยากจะอยู่กับเธอหรอก...ลาขาด" มันว่าพลางโขยกเขยกหายไปในพงหญ้าข้างบ้าน
ผมทำอะไรไม่ถูก สายตามองไปยังตะกร้าของเล่นที่ว่างเปล่า...ตอนนี้ผมทำได้เพียงอย่างเดียวคือ 'นั่งร้องไห้'
แม่กลับมาจากตลาดเห็นผมกำลังนั่งร้องไห้อยู่ จึงเข้ามาปลอบแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น...ผมจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังแม่หัวเราะก่อนจะเดินไปที่ตุ่มน้ำ งมเอารถสังกะสีขึ้นมาจากก้นตุ่ม...รถสังกะสีเปียกโชก ในไม่ช้ามันคงเป็นสนิม แต่ตอนนี้ลานของมันใช้การไม่ได้เสียแล้ว...รถสังกะสีตายแล้วจริง ๆ
ส่วนของเล่นชิ้นอื่น ๆ แม่ก็เดินไปเก็บมันซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของบริเวณบ้านจนครบ...แม่บอกว่าผมคงเล่นซนจนเหนื่อยแล้วเผลอหลับฝันไป เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เรื่องจริงก็คือผมยังเล่นของเล่นแล้วไม่ยอมเก็บให้เป็นที่เป็นทางเหมือนเดิม...แม่สรุป
ผมไม่รู้จะอธิบายให้แม่เชื่อได้อย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็สัญญากับแม่ว่าต่อไปนี้ผมจะไม่เป็นเด็กนิสัยแย่ไม่รู้จักรักข้าวของอีกแล้ว ผมจะจัดเก็บทุกอย่างให้เป็นที่เป็นทางและจะเล่นจะใช้พวกเขาอย่างทะนุถนอม...
นั่นเป็นเพราะบทเรียนจากการฆ่าตัวตายของรถสังกะสีไขลานคันนั้น...
เกี่ยวกับเรื่อง :
เรื่องที่ผมไม่ยอมเก็บของเล่นให้เป็นที่เป็นทางเมื่อสมัยเด็ก ๆ นั้น...เป็นเรื่องจริง
ผมมีของเล่นที่เป็นรถสังกะสีอยู่คันหนึ่งจริง...แต่มันไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตุ่มน้ำ...รถสังกะสีคันนั้นถูกผมสมมติให้เป็นเรือดำน้ำ แล้วเอาไปดำน้ำในตุ่มจนพังต่างหาก
การที่ผมเอารถสังกะสีไปดำน้ำเล่นคราวนั้น ทำให้ผมถูกแม่ตี...และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่คิดที่จะเล่นอะไรซน ๆ อีกเลย...ที่สำคัญ ผมรู้จักรักข้าวของ ๆ ตัวเองมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น