วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๖.รถเก๋งคันโก้
ทุกเย็นหลังเลิกเรียน พ่อของ หมูอ๋อง เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม จะขับรถเก๋งคันโก้มารับหมูอ๋องที่โรงเรียนเป็นประจำ...บางทีพ่อของเขาอาจจะขับรถมาส่งในตอนเช้าด้วยก็ได้...แต่ผมไม่เห็น...นั่นเป็นเพราะหมูอ๋องมักจะมาถึงในเวลาที่เพื่อน ๆ เข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว...เป็นแบบนี้ทุกวันซิน่า!!
รถเก๋งคันที่พ่อของหมูอ๋องขับมารับเขานั้น แม้จะเล็กกว่ารถเมล์ที่พ่อของผมพานั่งกินลมบ่อย ๆ แต่ทว่ามันดูสง่างามมากกว่า ที่สำคัญมันไม่มีคนซึ่งเราไม่รู้จักนั่งรวมอยู่ด้วย...ผมแอบเห็นหมูอ๋องพองตัวอ้วนกลมของเขามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าถูกสายตาของผมจับจ้องอยู่...เขาช่างเหมือนกับอึ่งอ่างเสียนี่กระไร...ผมคิด !!
ในขณะที่หมูอ๋องนั่งรถเก๋งของ(พ่อ)เขากลับบ้าน ผมต้องพึ่งพาสองเท้าของตัวเอง...ก็บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนี่นา เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง
"คำนับ นายคงอยากจะนั่งรถเก๋งแบบนั้นบ้างล่ะสิ" ม้าเอ่ยขึ้น
ม้า เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของผม...คงพอจำเขาได้จากตอนที่แล้ว...ตอนนี้เราสนิทกันมากขึ้น และบางวันเขาก็จะเดินกลับบ้านพร้อมกับผมเพราะว่าเราต้องใช้เส้นทางร่วมกัน
"ฉันก็แค่อยากจะลองนั่งมันดูสักครั้ง ท่าทางรถนั่นคงนั่งสบายน่าดู" ผมว่า
"งั้นก็ให้พ่อนายซื้อรถสิ จะได้ลองนั่งดูว่ามันสบายจริงหรือเปล่า แต่ฉันขอเตือนนะว่า ความสบายจะทำให้นายตัวอ้วนกลมเหมือนกับหมูอ๋อง" ม้าหัวเราะ เสียงแหบ ๆ ของเขาฟังแล้วตลกจัง น่าเสียดายที่ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะขำได้
"ถ้าพ่อฉันมีเงินซื้อรถ เราคงไม่ต้องเช่าบ้านอยู่หรอก"
ม้ามองหน้าผมแวบหนึ่ง เขายิ้มนิด ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อมาถึงทางแยกเขากล่าวสั้น ๆ แค่คำว่า 'ไปล่ะ' ก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าสู่ตลาดเพื่อไปช่วยแม่ของเขาขายขนมจีน ส่วนผมต้องเดินไปอีกหน่อยจึงจะถึงบ้าน
ระหว่างทางผมเห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ชิดกับฟุตบาท มันสวยและดูสง่างามไม่แพ้รถของหมูอ๋อง สวยจนผมอดใจไม่ไหวที่จะเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปดูมันใกล้ ๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปสัมผัสตามเนื้อตัวของมัน...ค่อย ๆ ลูบไล้อย่างแผ่วเบาไปตามเรือนร่างที่มีสีแดงสดและเป็นมันวาว...ความรู้สึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในเวลานั้น มันไม่สามารถบรรยายออกมาได้จริง ๆ
"นี่พ่อหนูน้อย เธอจะลูบคลำฉันอีกนานไหม...รู้หรือเปล่าว่ามือเล็ก ๆ ของเธอมันทำให้ฉันจั๊กจี้" รถเก๋งสีแดงว่า เสียงของมันทำให้ผมตกใจจนสะดุ้ง
"ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น" ผมบอก รู้สึกเหมือนกับหน้าตาของตัวเองร้อนวูบขึ้นมาทันที
"ไม่เป็นไรหรอก ใคร ๆ ที่เห็นฉันก็มักอยากจะทำเหมือนกับเธอทั้งนั้น น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสเพราะว่าเจ้านายเขาหวงฉันมาก...เธอโชคดีนะที่ตอนนี้เจ้านายฉันไม่ได้อยู่แถวนี้" คำว่า เจ้านาย ของรถเก๋งสีแดงคงจะหมายถึงเจ้าของ ๆ มัน
"เธอช่างสวยงามและดูสง่าเหลือเกิน เธอคงจะมีราคาแพงมากสินะ" ผมถามด้วยความชื่นชม
"ก็มากโขอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะฉันหรอกนะ เพื่อน ๆ ฉันส่วนใหญ่ก็มีราคาแพงด้วยกันทั้งนั้น...ที่บ้านเธอมีเพื่อนฉันอยู่ไหมล่ะ ?" รถเก๋งสีแดงถามขึ้นมาบ้าง ท่าทางของมันดูไม่เย่อหยิ่งสักนิด
"ไม่มีหรอก บ้านของฉันยากจนเกินกว่าที่จะมีรถส่วนตัวน่ะ" ผมว่า
"นั่นสินะ...เพื่อน ๆ ฉันส่วนใหญ่ก็อยู่กับคนที่ร่ำรวยมีอันจะกินทั้งนั้น...แต่เธออย่าเสียใจไปเลยนะพ่อหนูน้อย บางทีเมื่อโตขึ้นเธออาจจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วสามารถซื้อรถแบบฉันมาขับสักกี่คันก็ได้ ใครจะไปรู้"
"ขอบใจนะ แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของรถเก๋งหรอก ฉันแค่อยากจะลองนั่งรถเก๋งแบบเธอดูสักครั้งเท่านั้นว่ามันจะสบายกว่านั่งรถเมล์แค่ไหน และถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้พ่อของฉันเป็นคนขับแล้วไปรับฉันที่โรงเรียนบ้าง"
"ก็ถ้าเธอหรือพ่อของเธอไม่มีรถ เธอจะลองนั่งหาความสบายได้อย่างไรเล่า" รถเก๋งสีแดงถามขึ้น แต่เมื่อเหลือบเห็นสีหน้าของผมที่ดูเจื่อนลง มันจึงกล่าวต่ออีกว่า
"แต่เธออย่าคิดมากไปเลยพ่อหนูน้อย บางครั้งความสบายก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะต้องนั่งรถเก๋งที่มีเบาะนุ่ม ๆ หรอกนะ นั่งรถเมล์ นั่งเรือ หรือแม้แต่เดินเท้า เธอก็รู้สึกสบายได้ มันขึ้นอยู่กับจิตใจของเธอต่างหาก"
"นี่แกอ้ายเด็กตัวร้าย มายุ่งอะไรกับรถขอฉันเนี่ย !!"
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นหยุดการสนทนาระหว่างผมกับรถเก๋งสีแดงลง เขาคงเป็นเจ้าของรถคันนี้แน่ ๆ ผมรีบกล่าวคำขอโทษก่อนจะรีบเดินจ้ำอย่างรวดเร็วออกมาจากบริเวณนั้น
เย็นวันหนึ่งหลังโรงเรียนเลิก.....
วันนี้ผมรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่เห็นพ่อแวะมารับผมที่โรงเรียน...พ่อคงจะเลิกงานเร็วกระมัง
"วันนี้พ่อมารับถึงที่ คำนับอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม ?" พ่อถาม...พ่อมักใจดีกับผมแบบนี้เสมอ
"นับ อยากนั่งรถเก๋งกลับบ้าน" ผมหัวเราะ เพราะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องตลกสำหรับเราพ่อลูก
"งั้นได้เลยลูก มาขึ้นรถสิ" พ่อบอก
มันทำให้ผมดูตื่นเต้นทีเดียว ผมพยายามมองหาว่ารถเก๋งของพ่อจอดอยู่ตรงไหน ก่อนจะหันกลับไปถามพ่อด้วยสายตา พ่อยิ้มแล้วย่อตัวลงหันหลังให้กับผม
"กระโดดขึ้นมาเลยลูกรัก รถเก๋งพร้อมจะออกแล้ว"
ผมหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิม...พ่อผมนี่ตลกไม่ใช่เล่น...ผมกระโดดขึ้นขี่หลังพ่อที่ตอนนี้ถูกสมมติให้เป็น รถเก๋งคันโก้ ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก...ถ้าหมูอ๋องเห็นผมในเวลานี้เขาคงจะอิจฉาผมน่าดู
วันนั้นผมนั่งรถเก๋งคันโก้กลับมาจนถึงบ้าน เสียงของรถเก๋งสีแดงที่ว่า ความสบายขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา ยังก้องอยู่ในหัวของผม
เกี่ยวกับเรื่อง :
ตอนเด็ก ๆ ผมเคยอยากจะลองนั่งรถเก๋งดูบ้าง อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาส
ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อน ๆ บางคนที่พ่อ-แม่ของเขาขับรถเก๋งคันโก้มารับที่โรงเรียน...แต่เมื่อมองเห็นภาพของพ่อที่ทำงานหนักแล้ว ความรู้สึกแบบนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมอีกเลย
ผ่านวัยเด็กมาอีกหลายปี ผมมีรถส่วนตัวใช้และได้รู้ว่าการมีรถขับมันก็ไม่ได้สบายอย่างที่คิด อย่างน้อยก็เรื่องเกี่ยวกับ ภาระน้ำมันล่ะ!!
เรื่องที่พ่อเคยไปรับผมที่โรงเรียนแล้วให้ผมขี่หลังกลับบ้าน โดยสมมติตัวเองเป็นรถเก๋งคันโก้นั้น...เป็นเรื่องจริง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น