วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑
๑๗.ความจริงของลูกเจี๊ยบแสนสวย
"ขอโทษนะที่ไมได้บอกเธอตั้งแต่ตอนแรกว่าฉันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอเข้าใจ"
ลูกไก่บอก พลางก้มหน้าลงมองพื้นดินเพื่อหลบสายตาของผมที่จับจ้องมันอยู่ด้วยความผิดหวัง
"นั่นเท่ากับว่าเธอเจตนาจะโกหกฉัน...ก็แล้วทำไมต้องบิดบังฉันด้วยเล่า ?" ผมว่า
"ฉันกลัวว่าถ้าหากเธอรู้...เธอจะไม่ยอมซื้อฉันมาน่ะสิ...ฉันไม่อยากอยู่กับคนขายใจร้ายคนนั้น" ลูกไก่พูด แล้วมันก็เริ่มร้องไห้ออกมา
นอกจากเขาดินแล้ว ตลาดนัดท้องสนามหลวง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมอยากให้พ่อกับแม่พาไปเดินเที่ยวบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าที่นั่นจะมีผู้ใหญ่ตัวโต ๆ มาเดินขวักไขว่กันไปมาดูสับสนวุ่นวายจนผมรู้สึกรำคาญ แต่ตลาดนัดท้องสนามหลวงก็มักจะมีของแปลก ๆ ให้เด็กอย่างผมได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ...มันจึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมผมถึงไม่เคยโยเยเลยที่ต้องมาเดินเบียดกับผู้คนจำนวนมาก ๆ และทนดมกลิ่นเหงื่อไคลของเขาไปพร้อม ๆ กัน
ในขณะที่พ่อกับแม่ให้ความสนใจอยู่กับเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ อาหารคาวหวานทั้งสดแห้ง รวมถึงบรรดาผลไม้นานาชนิดที่พ่อค้าแม่ค้านำมาออกร้านขายกันเป็นร้อย ๆ ร้านค้า แต่ความสนใจของเด็กอย่างผมกลับไปตกอยู่ที่พวกร้านขายของเล่นและร้านขายสัตว์เลี้ยงหน้าตาแปลก ๆ(ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันจะเลี้ยงได้จริง ๆ หรือเปล่า ?)
มันเป็นการเปิดโลกทรรศน์ของเด็กคนหนึ่งโดยแท้.....
ข้าง ๆ ร้านขายผลไม้ที่แม่กำลังยืนซื้อส้มเขียวหวานอยู่นั้น ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องขายสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่าง ตรงหน้าเขามีกล่องกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่วางเอาไว้ เมื่อผมชะโงกดูก็เห็น ลูกเจี๊ยบ นับสิบ ๆ ตัวยืนเบียดเสียดอยู่ภายในกล่องกระดาษส่งเสียงร้อง เจี๊ยบ...เจี๊ยบ กันดังลั่น ที่สำคัญลูกเจี๊ยบพวกนั้นมันมีสีสันที่สวยงามสะดุดตาเหลือเกิน...สีชมพู สีเขียว สีแดง สีม่วง...บางทีมันอาจเป็นลูกเจี๊ยบที่มาจากเทพนิยายก็ได้...ผมแอบคิดเอาเอง
"ชอบเหรอหนุ่มน้อย พวกนี้เป็นไก่สายพันธุ์ใหม่นะ น้าจะบอกให้ ถ้าเลี้ยงให้ดี ๆ เมื่อมันโตเต็มที่จะมีสีสันสวยงามกว่านี้อีก เพราะว่าพ่อพันธุ์ของมันคือนกยูง"
ชายคนนั้นบอกกับผม เขาคงสังเกตอยู่นานแล้วว่าผมมีทีท่าสนใจเจ้าพวกลูกเจี๊ยบสีสวยที่อยู่ในกล่องกระดาษของเขา และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะผมเกิดความรู้สึกอยากจะเป็นเจ้าของลูกเจี๊ยบแสนสวยพวกนี้ขึ้นมา...อย่างน้อยก็สักตัวหนึ่งล่ะ!!
"แม่จ๋า นับอยากได้ลูกเจี๊ยบสีสวย" ผมกระตุกชายเสื้อของแม่อยู่หลายครั้ง จนแม่ต้องก้มลงมองผม ส่งเงินให้กับแม่ค้าผลไม้ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วกระซิบที่หูของผมว่า
"มันเป็นลูกไก่ที่เขาเอาสีมาย้อมขนของมันนะลูก พอโตขึ้นมันก็จะเหมือนกับไก่ทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ"
คราวนี้ผมเป็นฝ่ายที่มองแม่บ้าง น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมา มันเป็นปฏิกิริยาโดยอัตโนมัติของเด็ก ๆ เมื่อรู้ว่านั่นคือคำปฏิเสธ
"ไม่ใช่หรอกแม่ น้าเขาบอกว่ามันเป็นไก่พันธุ์ใหม่ พอโตสีของมันจะสวยกว่านี้อีก...พวกเธอเป็นแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม ?" ผมพยายามอธิบายกับแม่ด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหันไปถามเจ้าลูกเจี๊ยบพวกนั้น
นอกจากทำแววตาน่าสงสารแล้วไม่มีลูกเจี๊ยบตัวใดตอบคำถามผม พวกมันยังคงส่งเสียงร้องเหมือนเดิม แต่แล้วจู่ ๆ ลูกเจี๊ยบตัวสีม่วงตัวหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า
"ซื้อฉันไปเถอะ...ซื้อฉันไปเถอะพ่อหนูน้อย...ฉันสวยที่สุด เธอจะไม่ผิดหวังแน่นอน"
ผมรู้ว่าแม่ไม่เห็นด้วยกับผมเท่าไหร่นัก และแม่ยังไม่เชื่อว่าลูกเจี๊ยบพวกนี้จะสามารถกลายเป็นไก่ที่สวยงามในอนาคตได้จริง ๆ แต่แม่คงทนผมรบเร้าไม่ไหว...ที่สำคัญแม่คงไม่อยากเห็นน้ำตาของผมกระมัง
แม่ยอมควักเงินซื้อลูกเจี๊ยบให้ผมหนึ่งตัวในราคาสิบบาท...มันทำให้ผมดีใจมาก...ผมหอมแก้มแม่ไปฟอดใหญ่และสัญญากับแม่ว่าจะเลี้ยงลูกเจี๊ยบให้ดีที่สุด...แม่ผมช่างน่ารักจริง ๆ
ผมเลี้ยงลูกเจี๊ยบสีม่วงเอาไว้ในลังกระดาษ เอาเศษหญ้าและใบไม้แห้งปูรองให้มันนอน เอาข้าวสุกที่เหลือก้นหม้อให้มันกิน ถ้าโชคดีวันไหนผมสามารถขุดไส้เดือนได้ลูกเจี๊ยบสีม่วงก็จะมีอาหารมื้อพิเศษ...ผมเฝ้ารอวันที่ลูกเจี๊ยบสีม่วงจะกลายเป็นไก่แสนสวย...นั่นล่ะที่จะทำให้เพื่อน ๆ แถวบ้านตกตะลึงกันถ้วนหน้า
เวลาผ่านไปราวสามอาทิตย์ ลูกเจี๊ยบสีม่วงของผมก็สลัดคราบความเป็นลูกเจี๊ยบของมันทิ้งไป กลายเป็น ลูกไก่ ที่โตขึ้นมาอีกหน่อย ขนสีม่วงของมันนั้นไม่มีเหลือแล้ว(จริง ๆ แล้วมันจางไปตั้งแต่อาทิตย์แรก)...แต่...แต่แทนที่มันจะมีสีใหม่ที่สวยงามเหมือนกับสีของสายรุ้งหรืออย่างน้อยก็พ่อพันธุ์ที่เป็นนกยูงของมัน(ตามที่ชายคนขายบอก) มันกลับมีขนสีดำเหมือนกับลูกไก่ทั่ว ๆ ไป...ผมโดนหลอกหรือนี่...ถึงเวลาแล้วที่ผมกับลูกไก่จะต้องคุยกัน
แม้ว่าผมจะรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ลูกเจี๊ยบในครั้งนั้นกับลูกไก่ในเวลานี้และหมายถึงไก่แสนสวยในอนาคตจะไม่เป็นตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ แต่เมื่อผมเห็นน้ำตาของลูกไก่และเข้าใจถึงความจำเป็นของมันที่ไม่ยอมบอกผมตั้งแต่ทีแรกว่ามันไม่ใช่ไก่ที่สวยงามอะไร ผมก็เริ่มจะทำใจได้บ้าง
แน่นอนว่ามิตรภาพและความเป็นเพื่อนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามฉาบฉวยภายนอก ดังนั้นผมจึงทำใจยอมรับและยังคงเป็นเพื่อนกับลูกไก่ธรรมดา ๆ ตัวนั้นและเลี้ยงมันเอาไว้จนกระทั่งกลายเป็นไก่หนุ่มที่ดูดีตัวหนึ่ง
ไก่หนุ่ม ตัวนั้นยังอยู่กับผมมาอีกระยะหนึ่ง...น่าเสียดายที่อายุมันไม่ยืนนัก เพราะในเวลาต่อมามันถูกแมวของคุณยายเจ้าของบ้านที่ครอบครัวผมเช่าอยู่กัดตาย
ผมร้องไห้เสียใจอยู่นาน...และหวังเอาไว้ว่าไก่ของผมจะกลายเป็น ไก่แสนสวย อยู่ที่ไหนสักแห่งบนท้องฟ้า
เกี่ยวกับเรื่อง :
ปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องการให้คนไทยได้รู้จักกับวัฒนธรรมการทำมาค้าขายเทียมอารยะนานาประเทศ จึงมีนโยบายให้ทุกจังหวัดจัดให้มีตลาดนัดขึ้น สำหรับกรุงเทพฯ กำหนดให้ใช้ ท้องสนามหลวง เป็นสถานที่จัดตลาดนัด ตลาดนัดท้องสนามหลวง จึงเกิดขึ้นนับแต่นั้นมา(ช่วงปี พ.ศ. 2492 ย้ายตลาดนัดไปอยู่ที่ พระราชอุทยานสราญรมย์ จนถึงปี พ.ศ. 2500 จึงย้ายกลับมาสนามหลวงอีกครั้ง)
ตลาดนัดท้องสนามหลวงยืนหยัดรับใช้พ่อค้า แม่ค้า และผู้อุปโภคบริโภคอย่างเรา ๆ มาจนถึงปี พ.ศ. 2521 ในสมัยรัฐบาลของ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ มีนโยบายย้ายตลาดนัดสนามหลวงไปอยู่ที่ สวนจตุจักร(บางส่วน) ดังในปัจจุบัน เนื่องจากจะใช้พื้นที่ของท้องสนามหลวงเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลอง สมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
เรื่องที่ผมซื้อลูกไก่สีม่วงมาจากตลาดนัดท้องสนามหลวงนั้น...เป็นเรื่องจริง และมันก็ถูกแมวกัดตายจริง ๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
อย่าเชื่อง่ายนะ
แสดงความคิดเห็น